เลือกตั้งหนุนหุ้นไทยบวกต่อ จับตาประชุมเฟด – ประกาศงบ “Real Sector” สัปดาห์หน้า โบรกฯแนะลงทุนหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง ชี้กลุ่มค้าปลีกค่อนข้างโดดเด่น
นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 24 ม.ค.62 ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดที่ระดับ 1,620.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.19% มีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างแน่นที่ 60,838.32 ล้านบาท โดยดัชนีในวันนี้สามารถยืนในแดนบวกได้เกือบตลอดทั้งวัน และปรับลดลงบ้างเล็กน้อยในช่วงบ่าย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- หวยงวด 2 พ.ค. เช็กสถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
โดยปัจจัยการเมืองในเรื่องของการเลือกตั้ง สะท้อนผ่านตลาดหุ้นไปค่อนข้างมากแล้ว และยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่าดัชนีในวันนี้ปรับขึ้นจากโมเมนตัมเชิงบวกที่ยังพอมีอยู่
ด้านกลุ่มที่นำตลาด ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกที่ปรับขึ้นค่อนข้างโดดเด่น กลุ่มธนาคาร และกลุ่มส่งออกอาหาร ส่วนกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีย่อตัวลงมาหลังปรับเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างสูง
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ในประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประกาศให้พรรคการเมืองหาเสียงได้เต็มที่ผ่านทุกช่องทาง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณที่ระบุไว้ ซึ่งอาจทำให้พรรคการเมืองมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น นอกประเทศ ในค่ำวันนี้คาดว่าจะทราบผลของการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ECB จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0% เหมือนเดิม
ในสัปดาห์หน้ามีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 29 – 30 ม.ค.62 และการยื่นแผนการขอแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งมีความเสี่ยงว่าอาจไม่ผ่านรัฐสภาอังกฤษ รวมถึงในสัปดาห์หน้าภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) อาทิ PTTEP และ SCC จะมีการประกาศงบออกมา
ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.62) ประเมินว่ามูลค่าการซื้อขายจะหนาแน่นน้อยลงกว่าวันนี้ แต่การเคลื่อนไหวของดัชนีจะแกว่งในกรอบไซด์เวย์ (Sideway) คล้ายคลึงกับวันนี้ โดยให้แนวรับที่ 1,610 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด
ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำลงทุนในธีม (theme) เดิม คือ หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง แนะนำกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง STEC และ CK กลุ่มธนาคาร BBL และ KBANK กลุ่มค้าปลีก ROBINS BJC และ CPALL ส่วนนอกธีม คือ กลุ่มพลังงานที่เห็นการย่อตัวลงมา แนะนำทยอยซื้อสะสม
