ศูนย์วิจัยและพัฒนา ธ.ก.ส คาดราคาสินค้าเกษตร กันยายน’60 ปรับตัวดีขึ้น

ศูนย์วิจัยและพัฒนา ธ.ก.ส คาด เดือนกันยายนนี้ ราคาสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง สุกร กุ้ง ปรับตัวดีขึ้น ด้านน้ำตาลทรายราคาลดลง ผลกระทบจากสถานการณ์ในตลาดโลก

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนกันยายน นี้ ว่า “ศูนย์วิจัยและพัฒนา ธ.ก.ส.คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าเกษตรที่จะเพิ่มขึ้นได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ คาดว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.2-2.1 อยู่ที่ราคา 10,350-10,550 บาท/ตัน ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว คาดว่า ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.0 -3.0 อยู่ที่ราคา 9,800-10,000 บาท/ตัน

เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยส่งผลให้ผลผลิตข้าวที่จะออกในฤดูกาลใหม่ลดลง ยางพารา คาดว่า ราคายางพาราแผ่นดิบที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-3.00 อยู่ที่ราคา 50.83-52.09 บาท/กก. เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่ปลูกยางของไทยโดยรวม ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการกรีดยาง ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย

ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยช่วยหนุนราคายางเพิ่มขึ้น มันสำปะหลัง คาดว่า ราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.83-4.17 อยู่ที่ราคา 1.21-1.25 บาท/กก. เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวส่งผลให้ ผลผลิตมันสำปะหลังที่ออกสู่ตลาดน้อยและไม่เพียงพอกับความต้องการ

สุกร คาดว่า ราคาสุกรที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.50-5.00 อยู่ที่ราคา 61.35-63.46 บาท/กก. เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลสารทจีน ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้น กุ้ง คาดว่า ราคาเฉลี่ยกุ้งขาวแวนนาไมที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.16-2.04 อยู่ที่ราคา 186.50-190.00 บาท/กก. เนื่องจากสินค้ากุ้งไทยผลิตได้คุณภาพตามกระบวนการผลิตมาตรฐานสากล และตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

Advertisment

ด้านสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า 5% คาดว่า ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ จะลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.9-3.4 อยู่ที่ราคา 7,550-7,750 บาท/ตัน เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณมากกว่าที่คาดไว้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คาดว่า ราคาเฉลี่ยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ที่เกษตรกรขายได้จะลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.55-2.00 อยู่ที่ราคา 5.96-6.05 บาท /กก. เนื่องจากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดรุ่น 1 ส่งผลให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณมาก ขณะที่โรงงานอาหารสัตว์ประมูลข้าวสารสต็อกภาครัฐมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ทดแทนข้าวโพด แต่จะยังคงรับซื้อข้าวโพดเพื่อช่วยพยุงราคา ส่งผลให้ระดับราคาลดลงจากเดือนก่อนเพียงเล็กน้อย

น้ำตาลทรายดิบ คาดว่า ราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบนิวยอร์กในตลาดโลก จะลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.50 อยู่ที่ราคา 9.88-10.10 บาท/กก.เนื่องจากปริมาณน้ำตาลของประเทศบราซิล ผู้ผลิตน้ำตาลทรายรายใหญ่ของโลกมีสต็อกเกินกว่าที่คาดไว้ โดยองค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (ISO) คาดว่าอยู่ที่ 4 ล้านตัน ขณะที่ F.O. Licht คาดว่าส่วนเกินที่ 5.4 ล้านตัน ทำให้มีแรงขายจากกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปรับตัวลดลง ปาล์มน้ำมัน คาดว่า ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้จะลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.17 – 11.50 อยู่ที่ราคา 3.00 – 3.35 บาท/กก. เนื่องจากคาดว่า ผลผลิตปาล์มจะยังคงออกสู่ตลาดปริมาณมาก ขณะที่โรงงานเข้มงวดต่อการรับซื้อผลปาล์มที่ได้คุณภาพ ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มลดลง”