ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (6 ส.ค.) ที่ระดับ 30.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.79 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 30.75-30.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
โดยในช่วงนี้ตลาดเงินมีความเปราะบางมาก เนื่องจากมีแรงกดดันด้านขายจากฝั่งตลาดทุนเพราะนักลงทุนปิดรับความเสี่ยง ธนาคารกลางทยอยลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกันเงินหยวนที่อ่อนค่าเร็ว ก็ดึงให้แทบทุกสกุลเงินเอเชียอ่อนค่าตามไปด้วย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
อย่างไรก็ดี การที่เงินเยนและทองคำปรับตัวขึ้น กลับถือเป็นสัญญาณว่าตลาดไม่ได้กังวลกับความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของฝั่งเอเชียมากนัก ขณะที่ กนง.ก็อาจสวนกระแสนโยบายการเงินโลกด้วยการตรึงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ระยะกลาง จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่นักลงทุนอาจกลับเข้าถือเงินบาทเพื่อหลบความเสี่ยงสงครามการค้าเช่นกัน
ดร.จิติพล กล่าวว่า ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกต่างปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ไล่ตั้งแต่ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐที่ปิดลบ 3.0% ไปจนถึงฝั่งยุโรปที่ดัชนี STOXX50 และดัชนี FTSE100 ของอังกฤษ ปรับตัวลดลง 1.9% และ 2.5% ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน สินทรัพย์ปลอดภัยก็กลายเป็นที่ต้องการมาก กดดันให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 11bps แตะระดับ 1.73% ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ราคาทองคำทะยานขึ้น 1.9% สู่ระดับ 1,468.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงที่สุดในรอบ 6 ปี พร้อมกันนี้ เงินเยนก็ปรับตัวขึ้น 0.5% แตะระดับ 106.0 เยนต่อดอลลาร์หรือแข็งค่ามากสุดในรอบ 7 เดือน
ทั้งหมดเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังเงินหยวนอ่อนค่าทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 7.00 หยวนต่อดอลลาร์ สวนทางคำขู่ของสหรัฐฯที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% กับสินค้าจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน
นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจโลกก็ไม่สดใส ไล่ตั้งแต่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของจีน (Caixin Services PMI) ที่ลดลง 0.6 จุด สู่ระดับ 51.6จุด ตามมาด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ (ISM Non-Manufacturing PMI) ที่ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี ชี้ชัดว่าผู้ประกอบการทั่วโลกกำลังชะลอการทำธุรกิจลงจากปัญหาการค้าที่วุ่นวาย