ธุรกิจไทยเบนเข็มลงทุนยุโรปพุ่ง อังกฤษฮอตสุด-ฉวยจังหวะ “เงินปอนด์ถูก”

“ศูนย์วิเคราะห์ ทีเอ็มบี” เผยครึ่งปีแรกคนไทยเบนเข็มลงทุนสหภาพยุโรปพุ่ง แม้ภาพรวมลงทุนอาเซียนยังเป็นอันดับหนึ่ง ชี้คนไทยแห่ลงทุน “อังกฤษ” มากขึ้น เหตุปีนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้ว 9.8% เทียบค่าเงินปอนด์ คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังมีโอกาสลงทุนนอกเพิ่มขึ้นอีกหากเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง ฟาก ธปท.เอ็มโอยูแบงก์ชาติเวียดนามหนุนธนาคารพาณิชย์ไทยขยายธุรกิจสู่เวียดนาม

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2562 นี้คาดว่าธุรกิจไทยจะออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (TDI) เป็นเม็ดเงินราว 2.32 แสนล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ปี 2561 มีการไปลงทุนประมาณ 6.7 แสนล้านบาท สูงกว่าเม็ดเงินที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงในประเทศไทย (FDI) ที่อยู่ที่ราว 5.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการไปลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากที่สุดประมาณ 8 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาส โดยเป็นการไปลงทุนประเทศสิงคโปร์มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือเวียดนาม

“แต่มาครึ่งแรกปีนี้การไปลงทุนในอาเซียนเริ่มลดลง โดยไปเพิ่มที่การไปลงทุนในสหภาพยุโรป (EU) มากขึ้น อย่างสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษถือว่ามีคนไทยไปลงทุนมากสุดเมื่อเทียบกับการไปลงทุนในสหภาพยุโรปทั้งหมด ซึ่งครึ่งปีแรกมูลค่าการไปลงทุนในอังกฤษน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันค่าเงินปอนด์เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทก็ถูกลง จึงถือเป็นโอกาสของนักลงทุน” นายนริศกล่าว

อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ การไปลงทุนต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน แต่พอมาไตรมาสที่ 2 เริ่มมีการชะลอตัวลงไป โดยเป็นการออกไปลงทุนในหลักทรัพย์มากกว่า

ทั้งนี้ ตั้งแต่สิ้นปี 2561 ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 41.5 บาทต่อปอนด์ มาถึงปัจจุบัน (ณ 5 ส.ค.62) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 9.8% เมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์ โดยหากแนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าต่อไป ก็คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง TDI จะกลับมาเติบโตมากขึ้นอีก

นายนริศกล่าวอีกว่า จากยอด TDI ในภาพรวมทั้งหมด พบว่าส่วนใหญ่เป็นการไปลงทุนในภาคการผลิต ซึ่งในครึ่งปีแรก จากยอด TDI 2.32 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนในภาคการผลิตราว 50% หรือ 1.15 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตอาหารและเครื่องดื่มถึง 2 ใน 3 และกิจการโรงแรมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในเดือน มิ.ย. 2562 ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยกลับมาเกินดุล ตามดุลการค้าที่ปรับดีขึ้นจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงมาก ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย ขาดดุลสุทธิด้านสินทรัพย์ โดยเงินไหลออกสุทธิที่ 3,362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นไปตามการออกไปลงทุนของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ ทั้งการลงทุนโดยตรง (TDI) ที่มีเงินทุนไหลออก 1,517 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีเงินทุนไหลออก 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้น มิ.ย. 2562 นักลงทุนไทยมีการไปลงทุนโดยตรงแล้ว 7,363 ล้านดอลลาร์ฯ ถือว่าต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีเงินทุนไหลออกไปลงทุนโดยตรง 10,521 ล้านดอลลาร์ฯ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. เปิดเผยว่า ธปท.ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับ Mr.Le Minh Hung ผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการธนาคารระหว่างกัน ซึ่งเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานให้ธนาคารกลางทั้ง 2 แห่งในการส่งเสริมให้สถาบันการเงินใน 2 ประเทศทำธุรกิจระหว่างกันมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนาม สอดคล้องกับนโยบายของ ธปท.ที่ส่งเสริมธนาคารพาณิชย์ไทยในการขยายธุรกิจไปในภูมิภาคมากขึ้น

“เชื่อว่ามีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งสนใจขยายธุรกิจให้บริการทางการเงินในเวียดนาม” นายวิรไทกล่าว