“ทีเอ็มบี-ธนชาต” จับมือลดดบ.กู้ทุกประเภท ลด MRR สูงสุดในระบบแบงก์ 0.35%

แฟ้มภาพ
“ทีเอ็มบี-ธนชาต” จับมือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เผย ลด MRR สูงสุดในระบบแบงก์ 0.35% พร้อมปรับใช้ฐานดอกเบี้ยเดียวกันระหว่างกระบวนการควบรวมกิจการ

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย และนายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต ประกาศปรับฐานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร่วมกัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนทางการเงินของลูกค้าและเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ปรับลดลงลง 0.35% ดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ปรับลง 0.25% ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ปรับลง 0.125%

ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MOR และ MLR ของทั้ง 2 ธนาคารอยู่ในระดับเดียวกันที่ 7.150%, 7.175% และ 6.65% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมในการร่วมมือกันระหว่างสองธนาคาร สำหรับการทำงานร่วมกันในอนาคต ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2562 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อการออมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดยสำหรับเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี โน ฟิกส์ (TMB NO FIXED) ยังคงให้อัตราดอกเบี้ยรวมดอกเบี้ยโบนัสพิเศษสูงสุดที่ 1.6% ซึ่งเงินฝาก No Fixed นี้ ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับทีเอ็มบีอย่างสม่ำเสมอ ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งดอกเบี้ยสูงพร้อมกับความความยืดหยุ่นในการทำธุรกรรม ด้าน ME SAVE ของ ME by TMB ซึ่งเป็นเงินฝากรูปแบบดิจิทัล ก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.7% เช่นเดิม ตอบโจทย์ลูกค้าที่เน้นการออมเงินเป็นหลัก ตอกย้ำว่าลูกค้าทีเอ็มบี ต้องได้มากกว่า

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสองธนาคารให้มีฐานดอกเบี้ยเงินกู้ที่เท่ากันในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงวิสัยทัศน์ แนวทางในการบริหารงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นสถาบันการเงินที่เดินเคียงข้างไปพร้อมกับลูกค้าของธนาคาร และเป็นสถาบันที่พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับของประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดทางการเงินผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายของธนาคาร ให้ได้เลือกใช้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีรายงานความคืบหน้าการรวมกิจการของธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต โดยทีเอ็มบี ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่า ING Bank N.V. และกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทีเอ็มบี ได้ใช้สิทธิ TSR เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของทีเอ็มบีแล้ว คงสถานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารภายหลังการรวมกิจการ

สำหรับ ING นั้น ได้รับการจัดสรรสิทธิ TSR หรือ ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นทีเอ็มบีทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่าน ING SUPPORT HOLDING BV เป็นจำนวนทั้งสิ้น 9,077,412,246 หน่วย ขณะที่กระทรวงการคลัง มีสิทธิ TSR เป็นจำนวน 8,498,936,101 หน่วย

ทั้งนี้ ING ได้เริ่มเข้าดำเนินการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว ขณะที่กระทรวงการคลังได้ใช้สิทธิครบตามจำนวนที่มี ผ่านกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้แสดงความจำนงในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิที่มีอยู่เดิม หากมีผู้ถือหุ้นรายอื่นไม่ใช้สิทธิ TSR เต็มจำนวน

สำหรับระยะเวลาการใช้สิทธิ TSR นั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ไปจนถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งทีเอ็มบีคาดว่าจะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในธนาคารธนชาตได้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมปีนี้ ทั้งนี้ นอกเหนือจากการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นปัจจุบันด้วย TSR แล้ว ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายของธนาคารธนชาต รวมถึงผู้ถือหุ้นหลักอย่าง บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP และธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย หรือ BNS จะนำเงินที่ได้รับชำระจากการขายหุ้นธนาคารธนชาตกลับเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของทีเอ็มบี ซึ่งในเบื้องต้น คาดว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นจะประกอบด้วย ING 22% TCAP 21% กระทรวงการคลัง (รวมกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง) 20% และ BNS 6% โดยประมาณ