“ไทยพาณิชย์” ยื่นขออนุญาตแบงก์ชาติเมียนมาลงทุนใน “AYA Bank” ในรูปแบบบริษัทย่อย คาดเห็นความชัดเจนทันภายในปีนี้ ด้าน “กสิกรไทย” เผยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุน “A Bank”
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไทยพาณิชย์จับมือกับธนาคารเอยาวดี (Ayeyarwady Bank หรือ AYA Bank) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาบริการชำระเงินข้ามพรมแดนและการโอนเงินระหว่างประเทศ (Cross Border Payments and Fund Transfer) ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางเมียนมาร์ (CBM) เปิดให้ธนาคารต่างชาติขอใบอนุญาตลงทุนในธนาคารท้องถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“เราสนใจโมเดลการลงทุนแบบบริษัทย่อย (Subsidiary Bank) เนื่องจากเราสามารถที่จะทำหรือออกแบบ (shape) ธุรกิจที่เราอยากจะทำได้อย่างอิสระ คือเราไม่จำเป็นต้องลงทุนใหญ่ (Heavy Investment) ในโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม แต่สามารถไปลงทุนเบาๆ (Lightweight Investment) เช่น ลงทุนดิจิทัลอย่างเดียว หรือสามารถทำอะไรในรูปแบบที่ไม่ต้องมีภาระ (legacy)” นายอาทิตย์ กล่าว
ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตและคาดว่าจะเห็นความชัดเจนจากทางการเมียนมาภายในปี 2563 นี้ โดยการลงทุนในรูปแบบ Subsidiary Bank จะแตกต่างจากการเปิดสาขา (branch) ที่มีข้อกำหนด (scope) จากทางการอนุญาตให้ทำธุรกิจในรูปแบบหนึ่ง ส่วน Subsidiary Bank จะกำหนดให้มีเงินระดมทุนไม่ต่ำกว่า 75-100 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนในส่วนนี้จะไม่ใช่การนำเงินใหม่ของธนาคารออกไปลงทุน แต่จะใช้เงินทุนเดิมที่มีอยู่แล้ว
นายอาทิตย์กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ยังให้ความสนใจกับการลงทุนในประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผล ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และต้องไม่เป็นการลงทุนที่เกินตัวมากเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธนาคาร
ขณะที่นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการที่เข้าร่วมลงทุน ธนาคารเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ (Ayeyarwaddy Farmers Development Ban) หรือ A Bank โดยศึกษาความเป็นไปได้ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ (Subsidiary) 2.จัดตั้งสาขาต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทยในเมียนมา (Foreign Bank Branch) และ 3.การเข้าร่วมลงทุนในธนาคารท้องถิ่นในประเทศเมียนมา (Equity Participation)
