ตลท.ถกตั้ง “กองทุนไทยสร้างโอกาส” พยุงหุ้น

‘ภากร’ ยอมรับหารือทางการ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้ง ‘กองทุนไทยสร้างโอกาส’ พยุงตลาดหุ้นที่ร่วงหนัก ประกาศ 3 มาตรการลดค่าฟีช่วยเหลือผู้ประกอบการในตลาดทุนช่วงโควิด-19 ระบาด มูลค่ารวม 500 ล้านบาท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ยอมรับว่าอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการพิจารณาจัดตั้ง “กองทุนไทยสร้างโอกาส” ซึ่งเป็นมาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยนำมาเพื่อช่วยประคองภาวะตลาดหุ้นในอดีต หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรับลดลงกว่า 25% และล่าสุดปรับลดลงรุนแรงกว่า 117 จุด หรือลดลงกว่า 9% ในวันนี้ โดยหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

“ในส่วนของสภาะตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันนี้ที่ปรับลดลงรุนแรง เป็นการปรับลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียอื่นๆ รวมถึงได้มีการมอร์นิเตอร์ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าและพบว่าภาวะตลาดที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติไม่ได้เป็นผลจากการใช้บล็อกเทรด การขายชอร์ต หรือโปรแกรมซื้อขายอัติโนมัติ เนื่องจากสัดส่วนการซื้อขายดังกล่าวอยู้ในระดับปกติ” นายภากรกล่าว

เมื่อสอบถามถึงความเหมาะสมในการพิจารณาใช้มาตรการการหยุดการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) นายภากร กล่าวว่า การหยุดการซื้อขายหุ้นชั่วคราวเมื่อดัชนีปรับตัวลดลง 10% ชี้ว่าเป็นระดับที่มีความเหมาะสมกับการดูแลความเสี่ยงจากการปรับลดลงของดัชนีหุ้น อย่างไรก็ตาม จะพิจาณาถึงความเหมาะสมในระดับการลดลงอื่นๆ เช่นที่ระดับการลดลง 7% อย่างเกณฑ์ของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นต้น

นอกจากนี้ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในตลาดทุน ทั้ง บริษัทจดทะเบียน (บจ.) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และคัสโตเดียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยลดค่าธรรมเนียมรายปีแก่หลักทรัพย์จดทะเบียนที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ (TSD) เป็นนายทะเบียน ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนรายปีแก่บริษัทที่เข้าร่วมกิจกรรม Opportunity Day ค่าธรรมเนียมแก่บริษัทสมาชิก และค่าธรรมเนียมรักษาหลักทรัพย์ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ มูลค่าร่วม 500 ล้านบาท ได้แก่

Advertisment

1.มาตรการช่วยเหลือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ โดยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่มอบหมายให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ (TSD) เป็นนายทะเบียน ได้แก่ บริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดยลดค่าธรรมเนียมนายทะเบียนรายปี 20% ในปี 2563 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของธุรกิจลดลง นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะลดค่าธรรมเนียมรายปีแก่บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมกิจกรรม Opportunity Day ในปี 2563-2564 ตามจำนวนครั้งที่เข้าร่วมเสนอข้อมูล และข้อกำหนดตามวิธีปฏิบัติในการจัดประชุม

2.มาตรการช่วยเหลือบริษัทสมาชิก แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

2.1 มาตรการลดต้นทุนการทำธุรกรรมใน TFEX โดยลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม ตั้งแต่ค่าธรรมเนียมการใช้บริการระบบ streaming ค่าธรรมเนียมการซื้อขายและการชำระราคาของ SET50 Futures และ SET50 Options รวมทั้งยังมีมาตรการให้ส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับปี 2563 อีกด้วย

2.2 มาตรการสนับสนุนบริษัทผู้ออก DW โดยลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน DW ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 และจะพิจารณาเพิ่มมาตรการให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียน DW ที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และให้ความรู้ผู้ลงทุนตามเงื่อนไขที่ตลาดกำหนด เป็นการช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการ

Advertisment

2.3 มาตรการสนับสนุนสมาชิกในการให้บริการผู้ลงทุนบุคคล สนับสนุนให้สมาชิกใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาบริการซื้อขายแก่ผู้ลงทุนบุคคล โดยเพิ่มช่องทางการเชื่อมต่อกับระบบซื้อขายสำหรับผู้ลงทุนบุคคลของสมาชิกแต่ละรายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

3.มาตรการช่วยเหลือสมาชิกผู้ฝากหลักทรัพย์ ของ TSD ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารผู้เก็บรักษาหลักทรัพย์ โดยลดค่าธรรมเนียมรักษาหลักทรัพย์ 20% ตั้งแต่ 1 เม.ย. – 31 ธ.ค.63 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของสมาชิกผู้ฝากในช่วงภาวะเศษฐกิจชะลอตัว

“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตระหนักดีว่าผู้ประกอบการเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงพร้อมแบ่งเบาภาระของภาคธุรกิจในตลาดทุนให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมาตรการครั้งนี้ครอบคลุมบริษัทกว่า 800 บริษัท ทั้ง บจ. บล. บลจ. และคัสโตเดียน ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และพร้อมสนับสนุนการทำงานของภาคตลาดทุนในทุกมิติ รวมทั้งร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน” นายภากรกล่าว