ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังทรัมป์อนุมัติเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดอลลาร์สหรัฐ
REUTERS/Jo Yong-Hak/File Photo

ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังทรัมป์อนุมัติเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงร่างงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2563 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (29/12) ที่ระดับ 30.10/12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (28/12) ที่ระดับ 30.15/17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

โดยดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าเทียบเงินสกุลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีแรงเทขายของนักลงทุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากเมื่อวานนี้ (28/12) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ วงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงร่างงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไป

และล่าสุดในวันนี้ (29/12) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 275 ต่อ 134 อนุมัติการเพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็น 2,000 ดอลลาร์ จากเดิม 600 ดอลลาร์ โดยหลังจากนี้สภาผู้แทนราษฎรได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้กับวุฒิสภาทำการอนุมัติเป็นลำดับต่อไป

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังคงเป็นที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิดเนื่องจากในหลาย ๆ จังหวัดเริ่มมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น โดยล่าสุดวันนี้ (29/12) ผู้ว่าฯ กทม.ออกประกาศสั่งปิดสถานที่เสี่ยงบางแห่งในกรุงเทพฯเป็นการชั่วคราว รวมถึงคุมเข้ม โรงหนัง โรงมหรสพ ร้านอาหารเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.03-30.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.04/06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (29/12) ที่ระดับ 1.2225/28 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (28/12) ที่ระดับ 1.2214/15 ดอลลาร์สหร้ฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรยังคงปรับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงได้รับแรงหนุนจากการที่อังกฤษและสหภาพยุโร (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนที่อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจาก EU

นอกจากนี้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทางสหภาพยุโรปเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชน เพิ่มความหวังให้กับนักลงทุนว่าโรคโควิด-19 จะหยุดแพร่ระบาดและนำพาให้เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งภายในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า โดยทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.2210-1.2258 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.2246/49 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (29/12) ที่ระดับ 103.75/77 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (28/12) ที่ระดับ 103.70/72 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยนักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก

และเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการญี่ปุนประกาศปิดประเทศ ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้เป็นผู้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นจากทั่วโลกเข้าประเทศ โดยเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ (28/12) ถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้ หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เคยแพร่ระบาดในประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 103.60-103.83 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 103.65/66 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ จากสถาบัน CE (29/12), ดัชนีราคาบ้านของประเทศอังกฤษจากสถาบัน Nationwide (30/12), ปริมาณการส่งออกของไทย เดือนพฤศจิกายน (30/12), ดุลการค้าของไทย เดือนพฤศจิกายน (30/12), ดุลการค้าสินค้าสหรัฐ เดือนพฤศจิกายน (30/12), ยอดขายบ้านที่รอการปิดขายในสหรัฐ เดือนพฤศจิกายน (30/12), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน เดือนธันวาคม (30/12)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ Par/0.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.5/-1.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ