คลัง จ่อชงครม. เคาะประกันข้าวนาปี’64 กำหนดพื้นที่เสี่ยง 45 ล้านไร่ ใช้งบประมาณเกือบ 3 พันล้านบาท ชี้รูปแบบคล้ายหลักการเดิม แต่ลดเบี้ยประกันเหลือ 55-96 บาท
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 64 ให้ ครม. ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาภายในเดือนมี.ค.นี้เพื่อดูแลให้เกษตรกรได้รับความคุ้มครอง กรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากศัตรูพืช โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อจูงใจให้เกษตรกรเห็นประโยชน์ของการทำประกันภัย พร้อมกับสนับสนุนให้เกษตรกรทำประกันภัยส่วนเพิ่ม เพื่อเพิ่มความคุ้มครองและลดความเสี่ยงในการผลิตได้ด้วย
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบโครงการประกันภัยนาข้าวฤดูกาลใหม่เรียบร้อย โดยมีพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการทำประกันภัยบนพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศประมาณ 45 ล้านไร่ ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยแบ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรที่เป็นลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 30 ล้านไร่ และพื้นที่เกษตรกรทั่วไป 15 ล้านไร่
“หลักการและเงื่อนไขการรับประกันภัยยังคงคล้ายกับปีที่แล้ว โดยรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนเบี้ยประกันภัยให้ ซึ่งใช้งบประมาณ 2.8-2.9 พันล้านบาท แต่เบี้ยประกันภัยต่อไร่จะถูกลงกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนความคุ้มครองยังคงเหมือนเดิมเนื่องจากเมื่อปี 63 บริษัทประกันภัยมีอัตราการขอเคลมค่าสินไหมไม่มาก คิดเป็นอัตรา 20% ของเบี้ยประกันภัย ซึ่งถือว่าดีกว่าปี 62 ที่ขาดทุนอย่างมากเพราะช่วงนี้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งทำให้มียอดเคลมสูงเกิน 200%”
สำหรับเงื่อนไขการประกันภัยขั้นพื้นฐาน กรณีเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. คิดเบี้ยประกันภัย 96 บาทต่อไร่ เท่ากันทุกพื้นที่ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่คิด 97 บาท ส่วนกรณีเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงต่ำคิดค่าเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 55 บาทต่อไร่ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่คิดเบี้ย 58 บาท โดยคุ้มครองในกรณีเกิดภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ,ฝนตกหนัก ภัยแล้ง,ฝนแล้ง, ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ,พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว,น้ำค้างแข็ง, ลูกเห็บ,ไฟไหม้ และช้างป่า วงเงินคุ้มครองจำนวน 1,260 บาทต่อไร่ และในกรณีเกิดภัยศัตรูพืชโรคระบาด วงเงินคุ้มครอง 630 บาทต่อไร่
นอกจากนี้รัฐบาลยังสนับสนุนให้เกษตรกรทำประกันภัยส่วนเพิ่มเพื่อเพิ่มความคุ้มครองมากขึ้นและสอดคล้องกับสภาวะอากาศที่แปรปรวนในแต่ละพื้นที่ โดยแบ่งตามระดับความเสี่ยงกรณีพื้นที่เสี่ยงต่ำจนถึงพื้นที่ความเสี่ยงสูง โดยการทำประกันภัยส่วนเพิ่ม เกษตรกรจะได้รับวงเงินคุ้มครองเมื่อเกิดภัยธรรมชาติเพิ่มอีกในวงเงิน 240 บาทต่อไร่ รวมเงินประกันภัยที่ได้รับ 1,500 บาทต่อไร่ และกรณีเกิดภัยศัตรูพืช โรคระบาด ได้รับวงเงินคุ้มครองเพิ่ม 120 บาทต่อไร่รวมเงินประกันภัยที่ได้รับ 750 บาทต่อไร่