“เคทีบี” วิเคราะห์สถานการณ์การเงินโรงพยาบาลเอกชน คาดกว่าวัคซีนจะครอบคลุมประชาชนจำนวนมากก็ปีหน้า ไทยมีโอกาสเจอคลัสเตอร์โควิดอย่างน้อย 1-2 ครั้งในปีนี้
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) และกูรูด้านการลงทุน กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการของโรงพยาบาลเอกชนในช่วงโควิดระบาดหนัก ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนเน้นลูกค้า 2 กลุ่มหลัก คือ 1.ลูกค้าประกันสังคม กับ 2.ลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าโรงพยาบาลที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ได้รับผลกระทบเชิงลบมากกว่า
ยกตัวอย่าง บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ที่กำไรไตรมาส 1 เหลือเพียง 91 ล้านบาท ลดลงกว่า 88% YOY ขณะที่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ทาง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรอยู่ที่ 1,530 ล้านบาท แต่ก็อาจต่ำกว่าคาดเช่นกัน
ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลที่เน้นลูกค้าประกันสังคม เชื่อว่ากำไรปรับตัวลดลงไม่มาก เพราะมีรายได้ประจำค้ำจุนอยู่ โดยเฉพาะ BCH ที่มีโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ซึ่งมีสมาชิกประกันสังคมอยู่กว่า 8 แสนราย ขณะที่ CHG มีสมาชิกประกันสังคมกว่า 4.5 แสนราย
ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/2564 แม้จะถูกผลกระทบโควิดระบาดจากคลัสเตอร์ทองหล่อ แต่เชื่อว่ากำไรหุ้นโรงพยาบาลจะออกมาดีกว่าปีก่อนและดีกว่าไตรมาส 1/2564 เพราะช่วงเดียวกันของปีก่อนมีการล็อกดาวน์ประเทศ ขณะที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมีรายได้จากการตรวจรักษาโควิด ทั้งในโรงพยาบาลและ hospitel เป็นรายได้พิเศษเข้ามา อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินรายได้ส่วนนี้ว่าจะมาทดแทนรายได้คนไข้ทั่วไปที่หายไปได้หรือไม่
“ไตรมาส 2 รายได้ธุรกิจหลักอาจจะไม่ดี แต่จะมีรายได้พิเศษเข้ามา ค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าโรงพยาบาลไหนสามารถไปรับรักษาลูกค้าติดเชื้อโควิดได้ขนาดไหนด้วย”
ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่รัฐบาลยืนยันจัดหาได้เพียงพอ เอกชนไม่จำเป็นต้องจัดหามาเพิ่มนั้น ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนไม่น่าจะนำเข้าวัคซีนโดยตรงได้ ดังนั้น ทำให้โรงพยาบาลจะมีรายได้เฉพาะการรับจ้างฉีดวัคซีนเป็นหลัก
“กว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ช่วง มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งจะฉีดให้ครอบคลุมประชาชนจำนวนมากได้จะเป็นปีหน้าไปแล้ว หมายความว่าเรามีโอกาสจะเจอคลัสเตอร์โควิดอีกอย่างน้อย 1-2 ครั้งในปีนี้ คาดว่าหนักสุดคือช่วงปลายปี 2564 เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ติดต่อกันได้ง่าย เราจึงอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรหุ้นโรงพยาบาลใหม่ทั้งปี น่าจะออกมาประมาณกลางเดือน พ.ค.นี้ เป็นการปรับให้สอดคล้องกับบรรยากาศการระบาดโควิดในประเทศ” นายมงคลกล่าว