สิริฮับโทเคน ปูทางสู่การลงทุนใหม่ในไทย 4 โบรกเกอร์สะท้อน

บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล หลังจากเปิดขาย “สิริฮับ โทเคน” มียอดจองซื้อในวันแรก (21 ก.ย.) อย่างท่วมท้น ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน ด้าน 4 บล.ชั้นนำ “ซิมิโก้ – ฟินันเซีย ไซรัส – เอเซีย พลัส และ เคทีบีเอสที” เชื่อมั่นศักยภาพการเติบโตจากพื้นฐานอาคารสิริ แคมปัส ในโครงการ T77 หนุนโทเคนมีความมั่นคงสูง จะเป็นมาตรฐานใหม่ของการลงทุน คาดว่าจะเริ่มเทรดวันแรกบนอีอาร์เอ็กซ์ 12 ต.ค.นี้

วันที่ 25 กันยายน 2564 บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล หลังจากเสนอขาย “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token)” ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. เปิดขาย “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token)” สำหรับนักลงทุนทุกประเภทเมื่อ 21 กันยายนที่ผ่านมา ผ่านทางแอปพลิเคชัน XSpring และมีบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย

นอกจากนี้ยังมีบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอีก 4 แห่ง ได้แก่ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เอเซีย พลัส และบล.เคทีบีเอสที เป็นผู้ช่วยในการจัดจำหน่ายโทเคนดิจิทัลอีกทอดหนึ่ง

โดยหลังเปิดจองได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก มียอดจองซื้อในวันแรกอย่างท่วมท้น ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อเอ็กซ์สปริง ในฐานะผู้บุกเบิกการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งสำคัญของไทย ทำให้ “สิริฮับ โทเคน” ซึ่งออกระดมทุน 2,400 ล้านบาท เป็น ขึ้นแท่นเป็น ICO ป้ายแดงขวัญใจมหาชนครั้งประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อย

ด้าน ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า โทเคนดิจิทัลในต่างประเทศถือเป็นตลาดการลงทุนที่ใหญ่มากและมีกระแสที่แรงต่อเนื่องมานาน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โทเคนดิจิทัลสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายมาก อย่างสิริฮับ A ก็คล้ายกับการซื้อพันธบัตรหรือตราสารหนี้ แต่มีการเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างเข้ามาให้ดีขึ้น

ส่วนสิริฮับ B ก็มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ผูกกับรายละเอียดของ Asset ด้วย ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุน จุดสำคัญของสิริฮับ โทเคนคือโครงการอสังหาฯ ที่ใช้อ้างอิงรายรับ ด้วยสำนักงานสิริ แคมปัส เป็นโครงการที่มีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะในเรื่องทำเลที่ตั้ง

“คาดว่าในอนาคตราคาของที่ดินจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากปัยจัยพื้นฐานในโครงการ T77 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสิริ แคมปัส มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็น คอมมูนิตี้เพื่อการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ เช่น คอนโด ไลสฟ์สไตล์มอลล์ โรงเรียน ตลอดจนพื้นที่กิจกรรมไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ที่ค่อนข้างครบ ตอบโจทย์การเติบโตในระยะยาว ยิ่งเป็นจุดตอกย้ำค่าเช่าโครงการที่จะได้จากแสนสิริในระยะยาว เป็นส่วนช่วยการันตีรายรับของโครงการที่จะกลายมาเป็นส่วนแบ่งรายได้ให้ผู้ถือโทเคนทั้งสองกลุ่ม” ม.ล. ทองมกุฎ กล่าว

นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ให้ความเห็นว่า มีความสนใจจากนักลงทุนทุกระดับในโทเคนมากพอสมควร นักลงทุนสอบถามเข้ามาตลอด ด้วยความเป็น ICO ตัวแรกของไทย ที่ ก.ล.ต. รับรอง และยังอิงกับบริษัทที่มั่นคงอย่างแสนสิริ สำหรับโทเคนที่เสนอขายทั้ง 2 กลุ่ม คิดว่ากลุ่มเป้าหมายคนซื้อ สิริฮับ A จะเป็นนักลงทุนตราสารหนี้ ในขณะที่ กลุ่มสิริฮับ B จะได้รับความสนใจจากกลุ่มเก็งกำไร เมื่อประเมินจากศักยภาพของโครงการมีโอกาสอัพไซด์

“หากมองในอนาคตข้างหน้า สิริฮับ โทเคน เหมือนการปูทางสู่การลงทุนใหม่ ๆ ในไทย ถ้าตัวนี้มาดีโทเคนตัวต่อไปที่ตามมาก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้มากขึ้น ประกอบกับระบบการซื้อขายในตลาดรอง คือ อีอาร์เอ็กซ์ ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายโทเคนโดยเฉพาะ หากดำเนินการซื้อขายได้ด้วยดี ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น” นายช่วงชัย กล่าว

ส่วน นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า แม้การลงทุนกับโทเคนดิจิทัลจะดูเหมือนเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนทั่วไป แต่ถ้าศึกษาดูจะรู้ว่าโทเคนดิจิทัลในต่างประเทศก็เป็นที่พูดถึงมาได้สักพักแล้ว และมีความเห็นว่าเป็นการลงทุนที่ง่ายและไม่ซับซ้อน

อาจจะไม่ต่างจากการลงทุนในหุ้นกู้ หรือรีท แต่สามารถทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มบล็อกเชน ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง บนสมาร์ทโฟน และสิริฮับ โทเคน เปิดให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย ก็ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้นักลงทุนที่ยังกังวลเรื่องการลงทุนในโทเคนดิจิทัล หรือสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตัดสินใจเป็นทางเลือกลงทุนเพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งอีกด้วย

“สำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในสิริฮับ โทเคน มองว่าส่วนใหญ่จะถือยาวเพื่อรอรับส่วนแบ่งรายได้ที่จะจ่ายทุกๆ 3 เดือน และรับรายได้ก่อนจบโครงการเมื่อประมูลขายสิริ แคมปัสได้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเปิดทำการซื้อขายในตลาดรอง อาจจะมีการขยับของราคา หากนักลงทุนได้กำไรที่พอใจ อาจจะมีบางส่วนขายทำกำไรในตลาดรองเช่นกัน”นายรัชต์ กล่าว

ขณะที่ นายณัฐพงศ์ ณ ระนอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ชี้ถึงศักยภาพของโครงการสิริ แคมปัส และอาณาจักร T77 ว่า “สิริ แคมปัส ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เพราะย่านสุขุมวิท 77 ถือเป็น New CBD ที่มีศักยภาพและผู้ประเมินทรัพย์สินยังประเมินว่าโครงการนี้ในอีก 4 ปีข้างหน้า จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท

เรียกได้ว่าอสังหาฯ ที่นำมาอ้างอิงสิริฮับ โทเคนมีความมั่นคงสูง นอกจากตัวอสังหาฯ แล้ว ผู้เช่าโครงการซึ่งก็คือแสนสิริยังเป็นผู้เช่าที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB+ เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้โครงการมีรายรับต่อเนื่อง

“สิริฮับ โทเคนจึงเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ก็สามารถเริ่มเข้ามาลงทุนกับโทเคนตัวนี้ได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากมีรูปแบบและกลไกใกล้เคียงกับการลงทุนดั้งเดิม มีการจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอจากกระแสรายรับของโครงการ และมีสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้” นายณัฐพงศ์ กล่าว

นายปิ่นปราชญ์ จักกะพาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเทรดดิจิทัลโทเคนที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะเป็นตลาดรองสำหรับซื้อ-ขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เนื่องจากดิจิทัลโทเคนเป็นรูปแบบการลงทุนที่มีการอ้างอิงกับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและสามารถจับต้องได้ ทําให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจของผู้ลงทุนทั่วไปที่เคยลงทุนในหลักทรัพย์อื่นอยู่แล้ว รวมถึงผู้ลงทุนรายใหม่

อีกทั้งยังมีกลไกการรักษาความปลอดภัยและการคุ้มครองผู้ลงทุนในทุกโทเคนที่มีการซื้อขายผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน และยังสามารถระบุถึงผู้ถือครองได้ ซึ่งจะแตกต่างจากการเทรดบิตคอยด์ที่ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ถือครองได้ โดยจะมีการปิดสมุดบัญชีเพื่อสรุปยอดทุกวัน สำหรับกำหนดการซื้อ-ขายสิริฮับ คาดว่าจะเริ่มให้เทรดวันแรกบนอีอาร์เอ็กซ์ได้ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้

ทั้งนี้ ด้วยบริการระบบเสนอขายและการบริหารจัดการโทเคนดิจิทัลตลอดอายุโครงการ รวมถึงศักยภาพของทรัพย์สินโครงการและกระแสรายรับที่นำมาอ้างอิง มีการเติบโต มั่นคง ได้รับผลตอบแทนต่อเนื่อง ในรูปแบบการลงทุนที่ง่าย สะดวกและปลอดภัย

เชื่อมั่นว่า สิริฮับ โทเคน จะเป็นมาตรฐานใหม่ของการลงทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นแค่ 10 บาท มีผลตอบแทนมั่นคง ตอบโจทย์นักลงทุนทุกระดับ จากดีมานด์ของนักลงทุนและผู้ระดมทุนเอง คาดว่าโทเคนดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะกลายเป็น Next Future Trend of Investment ในตลาดทุนไทยในอนาคตอันใกล้