ศรีอยุธยา ควบรวม อลิอันซ์ เสริมแกร่งธุรกิจฝ่าประกันแข่งดุ

ฮือฮาทิ้งทวนท้ายปีใน “วงการประกัน” เมื่อสองค่ายประกันภัยต่างชาติในไทย ประกาศ “ควบรวมกิจการ” กัน โดยบริษัทแม่ “บมจ.ศรีอยุธยา แคปปิตอล” (AYUD) ที่ถือหุ้นใหญ่ใน “บมจ.ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย” (SAGI) ทำการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของ “บมจ.อลิอันซ์ ประกันภัย” (AZTH) ด้วยเม็ดเงินกว่า 1,253 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ศรีอยุธยา แคปปิตอล ยังได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มใน “บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต” (AZAY) อีกมูลค่า 3,902 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ขาย ได้แก่ Allianz SE และบริษัท ซีพีอาร์เอ็น (ประเทศไทย) จำกัด (CPRNT) ทำให้ศรีอยุธยา แคปปิตอล ถือหุ้นเพิ่มเป็น 31.97% จากเดิมที่ถืออยู่ 20.17% ของทุนจดทะเบียน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตของค่ายศรีอยุธยาฯ โดดเด้งขึ้นมาทันตา

ส่วนฝั่งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของอลิอันซ์ฯ ก็จะได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแม่อย่าง “ศรีอยุธยา แคปปิตอล” เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีรายละเอียดของดีลตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2560 ที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ให้ลดทุนจดทะเบียน โดยตัดส่วนของหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่าย หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 346 ล้านบาท โดยจะออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 96.5 ล้านหุ้นราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ฝั่ง “Allianz SE และ CPRNT” ในราคาหุ้นละ 53.43 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,155 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกดังนี้ 1.การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 23.47 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ CPRNT คิดเป็นมูลค่ารวม 1,253 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการชำระด้วย “เงินสด” โดยศรีอยุธยา แคปปิตอล จะนำเงินส่วนนี้ไปจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในตัว “ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย” หรือ SAGI เพื่อเป็นทุนให้ SAGI ใช้ดำเนินการรับโอนกิจการทั้งหมดจากอลิอันซ์ ประกันภัย และ 2.บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 73.03 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ Allianz SE และ CPRNT คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 3,902 ล้านบาท เพื่อตอบแทนให้แก่ Allianz SE และซีพีอาร์เอ็น (ประเทศไทย) สำหรับการซื้อหุ้นเพิ่มในอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวนประมาณ 11.8%

ทั้งนี้ ข้อมูลระบุจากตลาดหลักทรัพย์ฯว่า หลังการเพิ่มทุน เสนอขายให้แก่ Allianz SE และ CPRNT ในครั้งนี้ จะทำให้ทั้งสองรายเข้ามาถือหุ้นในฝั่งศรีอยุธยา แคปปิตอล มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% จากเดิมที่ถืออยู่เพียง 16.84%

ด้าน “อานนท์ โอภาสพิมลธรรม” กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ศรีอยุธยา แคปปิตอล (AYUD) และ บมจ.เจนเนอรัล ประกันภัย กล่าวว่า หากดีลนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ คงทำให้ธุรกิจประกันภัยที่รวมกันของ “ศรีอยุธยา เจนเนอรัล” และ “อลิอันซ์” มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญ จะช่วยสร้างความหลากหลายให้ฐานลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายของฝั่งศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย มากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันพึ่งพาช่องทางขายผ่านแบงก์แอสชัวรันซ์ของธนาคารกรุงศรีฯ และซีไอเอ็มบี ไทย อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
ซึ่งสัญญากับซีไอเอ็มบี ไทย ที่จะสิ้นสุดในปี 2563 จะไม่มีการต่ออายุออกไป รวมถึงยังสนับสนุนให้มีการรวมและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประหยัดต่อขนาดและเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงาน

สำหรับเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของ SAGI และ AZTH ปี 2559 พบว่า รายได้จากเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจากการประกันภัยทุกประเภทเพิ่มขึ้นเป็น 5,436 ล้านบาท (ดูรายละเอียดในตาราง) และจะมีส่วนแบ่งการตลาด 2.57% ติดอันดับ 12 จากเดิมที่ SAGI มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 3,049 ล้านบาท และส่วนแบ่งการตลาด 1.44% ซึ่งอยู่อันดับ 19 ของอุตสาหกรรม ในขณะที่ AZTH มีเบี้ยรับรวม 2,386 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาด 1.13% อยู่ในอันดับ 29 การควบรวมกิจการครั้งนี้จึงทำให้ทั้งสองบริษัทขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 12 ของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยทันที โดยพอร์ตใหญ่จะอยู่ที่ประกันเบ็ดเตล็ด เพราะมีความโดดเด่นในประกันเดินทาง และตามด้วยประกันรถยนต์

ปีนี้เป็นอีกปีแห่งการเปลี่ยนแปลงวงการประกันไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี-อินชัวร์เทค จนสมรภูมิแข่งขันระอุยิ่งขึ้น การโยกย้ายของผู้บริหารค่ายต่าง ๆ รวมถึงนายอานนท์ ที่ตัดสินใจออกจากค่ายใหญ่ “วิริยะประกันภัย” เข้ามากุมบังเหียนค่ายศรีอยุธยาเมื่อกลางปีนี้ แต่ก็ถือเป็นก้าวใหญ่ของค่ายนี้ที่ “รวมกิจการ” เพื่อเสริมแกร่งซึ่งกันและกันได้ (synergy) เมื่อพอร์ตลูกค้าใหญ่ขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนก็น่าจะลดลง และสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น คงต้องติดตามกันต่อไปในปีหน้า