อาคมยังมั่นใจเศรษฐกิจปี’65 โต 4%

เศรษฐกิจ
Mladen ANTONOV / AFP

รมว.คลังยังมั่นใจเศรษฐกิจปี’65 โต 4% ชี้ กนง.ลดจีดีพี เหลือ 3.4% เพราะรวมกรณีเลวร้ายหากโอไมครอนระบาดแล้ว

วันที่ 27 ธันวาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 ยังมีสัญญาณฟื้นตัว และคาดว่าจะขยายตัวได้ 4% แม้ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

กนง.คงดอกเบี้ย 0.5% หั่นจีดีพีปีหน้าเหลือ 3.4% เหตุโอไมครอนระบาด

ทั้งนี้หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ พบว่า ผู้ประกอบการและประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น มีการออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า ทานข้าวนอกบ้านมากขึ้น เห็นได้จากปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลที่จอดเต็มหน้าร้านอาหารหลาย ๆ ร้าน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด และพบว่ามีการใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกันจำนวนมาก

“โอไมครอนยังไม่ชัดเจนในแง่ของความรุนแรง ยังต้องฟังรายงานจาก ศบค. และสาธารณสุข แต่เรายังต้องป้องกัน และไม่สนุกสนานจนเกินขอบเขต ภายใต้คีย์เวิร์ดที่เราต้องร่วมมือกัน ถ้า GDP โต 4% การบริโภคภายในประเทศก็จะอยู่ประมาณ 3%-4%

แม้กำลังซื้อจะยังไม่กลับมาเท่าปี 2562 ซึ่งตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 40 ล้านคน กำลังซื้อส่วนนี้ยังมาไม่ครบ แต่รัฐบาลได้มีมาตรการออกมาต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับการบริโภค และล่าสุดก็คือ โครงการช้อปดีมีคืน” นายอาคมกล่าว

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีการปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในปี 2565 ลงจากที่คาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% เหลือขยายตัวได้ 3.4% หรือขยายตัวลดลงประมาณ 0.5% นั้น เนื่องจากได้มีการนำปัจจัยเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในกรณีเหตุการณ์เลวร้ายเข้ามาอยู่ในสมมุติฐานด้วย แต่ตัวเลขที่ปรับลดลงก็มีการปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งยังถือว่าเศรษฐกิจในปี’65 ยังฟื้นตัวได้

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 รัฐบาลอาจจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เข้มข้นขึ้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทย แต่ยังจำเป็นต้องรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะยังคงมีมาตรการเพื่อรักษาโมเมนตัม

รวมทั้งจะเข้าไปช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากปี 2563 ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่รายได้ลดลง รวมทั้งต้องออกจากงาน ผ่านกลไกของธนาคารออมสิน ในโครงการ สร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งล่าสุดมีผู้เข้าร่วมมาตรการแล้วประมาณ 66,000 ราย และบางส่วนได้รับการสนับสนุนสินเชื่อไปแล้ว