ผมไม่ได้เสพยา! “เสก โลโซ” ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันฉี่ม่วงเพราะกินยา “ไบโพล่า-นอนหลับ”

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 17 มกราคม ที่สน. คันนายาว นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ นักร้องชื่อดัง พร้อม ร.ต.มงคลวิจิตร ธนะโสภณ ทนายความส่วนตัว และน.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ หรืออีฟ แฟนสาว เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เพื่อรับทราบข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยกล่าวออกหมายเรียกนายเสกสรรค์มารับทราบข้อหานั้น เนื่องจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นำทีมเข้าจับกุมนายเสกสรรค์ ที่บ้านเลขที่ 9/27 หมู่บ้านนันทวัน-วัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560 จากข้อหายิงปืนในที่สาธารณะ ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะนายเสกสรรค์พบเป็นสีม่วง และส่วนผสมของสารเสพติดดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายเสกสรรค์เห็นสื่อมวลชนได้เข้ามาทักทาย ระบุจะให้สัมภาษณ์หลังจากเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว

ต่อมาเวลา 12.30 ภายหลังจากการเข้าให้ปากคำเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง นายเสกสรรค์ ให้สัมภาษณ์ว่าเบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในวันนี้ได้นำเอกสารที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายที่บ้านวันที่ 31 ธันวาคม 2560 และเอกสารเกี่ยวยาต่างๆที่ตนใช้มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับประทานยาแค่ยาไบโพล่า ยานอนหลับ ยาเสริมต่างๆ โดยจะให้ทนายความนำใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธและตัวยาที่ตนรับประทานมามอบให้ตำรวจในวันที่ 24 มกราคมนี้ ในส่วนชั้นพนักงานสอบสวนที่เหลือไปว่ากันในชั้นศาลว่าจะตัดสินอย่างไร

นายเสกสรรค์ กล่าวว่า สำหรับที่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แล้วผลออกมาว่าพบสาร “เมทแอมเฟตามีน” ข้อชี้แจงว่าเนื่องจากในวันที่ตำรวจเข้าค้นที่บ้านพักไม่ได้พบสารเสพติด ไม่พบอุปกรณ์เสพ นอกจากนี้น.ส.อภิสร์ญาก็อาศัยอยู่ภายในห้องกับตนและได้ทำการตรวจปัสสาวะก็ไม่พบสารเสพติด ในเมื่อน.ส.อภิสร์ญาอยู่กับตนถ้าตนเสพน.ส.อภิสร์ญาก็ควรจะมีสารเสพติดด้วย นอกจากนี้หากตนเสพยาจริงไม่จำเป็นต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะซึ่งจริงๆ แล้วปฏิเสธการตรวจได้

“ผมไม่ได้มีความกังวลใจใดๆ กับกับทั้งคดีที่จ.นครศรีธรรมราชและคดีที่สน.คันนายาวเพราะคดีที่จ.นครศรีธรรมราช ก็ได้ไปพบศาลอย่างถูกต้องแล้ว และได้มีการเตรียมออกแถลงการณ์ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นการบวงสรวงจะมีการเซ็นใบกำกับจากเจ้าอาวาส เจ้าคณะกรรมการของวัดมั่นใจในพยานหลักฐานของผมมาก ไม่งั้นคงไม่เดินทางมาในวันนี้” นายเสกสรรค์กล่าว

นายเสกสรรค์กล่าวว่า หลังจากนี้คงไม่ต้องระมัดระวังอะไรมากดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ตนอาจจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่ามุทะลุก็ขออภัยประชาชนด้วย ต้องขอโทษพี่น้องชาวไทยที่ทำให้ลำบากใจที่ทำให้เกิดข่าวของตนอยู่เรื่อยๆ จริงแล้วไม่ได้ต้องการที่จะให้เป็นข่าวเพราะมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ไม่ได้คิดที่จะทำให้โด่งดังหรือให้ใครมาเอาอย่าง การเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่จ.นครศรีธรรมราชนั้นคนก็ออกเงินเองในการเล่นคอนเสิร์ตไม่ได้เงินสักบาทเดียว จนกระทั่งเกิดเรื่องราวแต่ไม่ได้รู้สึกว่าเสียอกเสียใจอะไร และไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อชีวิต ยังเดินหน้าไปได้เสมอตราบที่พี่น้องประชาชนยังให้กำลังใจอยู่ หากผิดก็คงจะขอโทษเรื่องการยิงปืนขึ้นฟ้าแต่เรื่องอื่นที่ตนไม่ผิดก็ยังคงสู้ต่อไป

ด้านพ.ต.อ.อำนาจ พุ่มวงษ์ รองผกก.(สอบสวน)หัวหน้างานสอบสวนสน.คันนายาว เปิดเผยถึงขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อนายเสกสรรค์ให้การว่าเกิดจากการกินยารักษาโรคไบโพล่า เจ้าหน้าที่จะนำตัวยารักษาโรคไบโพล่า พร้อมใบรับรองแพทย์ ของร.พ.วิชัยยุทธ มามอบให้พนักงานสอบสวนในวันที่ 24 มกราคม เวลา 10.00 น. ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะรับฟังพยานหลักฐานของผู้ต้องหา จากนั้นจะนำตัวยาดังกล่าวส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อได้ผลการตรวจพิสูจน์แล้ว จึงจะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 12 พิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายเสกสรรค์ทราบ ประกอบด้วยข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้าหรือยาไอซ์) และเมตาโบไลน์(หรือยาอี) โดยผิดกฎหมาย

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า นอกจากนี้จะต้องทำการสืบสวนขยายผลเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องหรือสมคบกันบ้าง ตามกฎหมาย ผู้เสพคือผู้ป่วย ต้องได้รับการบำบัด สำหรับผู้ค้าผู้ขายยาเสพติดสน.คันนายาวจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด และใช้มาตรการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามพ.ร.บ.ปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.2534 , พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เป็นต้น ดำเนินการยึดทรัพย์ ส่วนคดีนายเสกสรรค์แม้จะให้การปฏิเสธแต่ทางการสืบสวนของตำรวจได้ข้อมูลรายละเอียดพอสมควร เช่น จากพล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล สมาชิกสภากทม.ซึ่งเป็นผู้ที่พาผู้ต้องหาไปบำบัดการติดยาเสพติดตามที่เป็นข่าวมาแล้ว จะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวกรณีที่ นายเสกสรรค์จะฟ้องร้องเกี่ยวกับทำให้เสียทรัพย์เรียกร้องค่าเสียหายที่บุกจับตัวเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมนั้น ตำรวจชี้แจงว่าได้ปฎิบัติไปตามอำนาจหน้าที่และถูกต้องตามกฏหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 94 ซึ่งบัญญัติว่า “ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือหรือตำรวจที่ทำการค้นในที่รโหฐาน สั่งเจ้าของหรือคนอยู่ในนั้นหรือ ผู้รักษาสถานที่ซึ่งจะค้นให้ยอมให้เข้าไปโดยไม่มิหวงห้าม อีกทั้งให้ความสะดวกตามสมควรทุกประการในอันที่จะจัดการตามกฏหมาย ทั้งนี้ให้พนักงานผู้นั้นแสดงหมายหรือถ้าค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายก็ให้แสดงนามและตำแหน่ง ถ้าบุคคลดังกล่าวในวรรคต้นมิยอมให้เข้าไป เจ้าพนักงานมีอำนาจใช้กำลังเพื่อเข้าไปในกรณีจำเป็นจะเปิดหรือทำลายประตูบ้าน ประตูเรือน หน้าต่าง รั้วหรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นทำนองเดียวกันนั้นก็ได้” ดังนั้นหากนายเสกสรรค์ ต้องการจะแจ้งความดำเนินคดีก็สามารถทำได้ แต่พนักงานสอบสวนก็จะวินิจฉัยได้ทันทีว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เป็นความผิดเพราะกฎหมายให้อำนาจไว้ หรือหากนายเสกสรรจะฟ้องคดีแพ่งต่อศาลก็สามารถทำได้ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป

 

ที่มา มติชนออนไลน์