แจ้งข้อหาอีก 3 ราย คดีครูจอมทรัพย์ “สับ วาปี-ภรรยา” ให้การปฏิเสธ รอไต่สวน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีครูจอมทรัพย์ หรือนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ผู้ต้องหาในคดีสร้างพยานหลักฐานเท็จ เกี่ยวกับคดีขับรถชนคนตาย หลังมีการออกร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม ให้มีการรื้อฟื้นคดี ตั้งแต่ปี 2558 สุดท้ายทางตำรวจกับมีหลักฐานว่ามีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ และมีการสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหา สร้างพยานหลักฐาน ให้การเท็จ เบิกความเท็จ และซ่องโจร กับขบวนการรับจ้างทำผิดแทน ครูจอมทรัพย์ และมีการสรุปรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งอัยการพิจารณา ฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 11 ราย ตั้งแต่ วันที่ 28 ธันวาคม 2560

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2561 ทางด้านอัยการจังหวัดนครพนม ได้มีการพิจารณา พยานหลักฐาน นำตัว นายสับ วาปี ผู้ต้องหาที่เคยออกมารับสารภาพทำผิด ว่าขับรถชนคนตายแทนครูจอมทรัพย์ และภรรยา คือ นางจัน วาปี ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม แต่ทางเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ ตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา รอขั้นตอนการพิจารณาไต่สวนต่อไป ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อยู่ระหว่างการประกันตัว

นอกจากนี้ ในส่วนของครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร รวมถึง นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ผู้บงการว่าจ้างขบวนการช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ ยังอยู่ในระหว่างการฝากขังที่เรือนจำกลางนครพนม รอการพิจารณาของศาล ซึ่งในส่วนของผู้ร่วมขบวนการอีก 7 ราย ยังอยู่ระหว่างการประกันตัวชั่วคราว รออัยการพิจารณาส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน และมีการพิจารณาให้ทางตำรวจ มีการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีกในส่วนที่ยังไม่ครบ

ล่าสุด ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน คณะทำงานดำเนินคดีขบวนการครูจอมทรัพย์ ได้ออกหมายเรียก พยานสำคัญ และบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีที่ยังไม่ครบเพิ่มเติมอีก รวมอีก 3 ราย คือ คนที่หนึ่ง นายเสริฐ รูปสะอาด ซึ่งเป็นพยานที่เคยมีหลักฐานว่าเคยออกมารับสารภาพ ว่าเป็นคนขับรถ ชนคนตาย ก่อน นายสับ วาปี ออกมาให้การ และยังเป็นพยานสำคัญที่เคยมาเบิกความต่อศาล ในการไต่สวนรื้อคดี พร้อมให้การว่าถูกว่าจ้างมารับผิดแทน คนที่สอง คือ นายเวช ค่องแคล่ว และคนที่สาม คือ นายวิจิตร หรือเพื่อน คำลือไชย ทั้งหมดเป็นชาว จ.มุกดาหาร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการรู้เห็น ในการว่าจ้างขบวนการรับผิดแทน ครูจอมทรัพย์ โดยมี ครูอ๋อง นายสุริยา นวลเจริญ เป็นผู้ว่าจ้าง ภายหลังทั้ง 3 ราย ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ในฐานความผิด ให้การเท็จ สร้างพยานหลักฐานเท็จ และร่วมกันเบิกความเท็จต่อศาล แต่ทางตำรวจได้มีการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว ตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เนื่องจากเชื่อมั่นว่า ผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี และเคยเป็นบุคคลที่ให้การเป็นประโยชน์กับทางตำรวจ โดยทางตำรวจอาจจะใช้อำนาจกันตัวไว้เป็นพยาน ในการพิจารณาคดีของศาล กับผู้ต้องหาในขบวนการทั้งหมด ซึ่งสรุปมีผู้ต้องหาในคดีนี้ถูกดำเนินคดีรวม 14 ราย ส่วนในเรื่องของการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยังอยู่ระหว่างรอผลการสรุปของ ป.ป.ช.

 

ที่มา : มติชนออนไลน์