“ผบ.ทอ.” เสียใจฝึกบินตก เผยทุกคนถูกฝึกประคองเครื่องพ้นชุมชน กำชับดูแลครอบครัวนักบิน

“ผบ.ทอ.” เสียใจเหตุฝึกบินตก เผย “บิ๊กตู่”-บิ๊กป้อม” สั่งตรวจสอบรอบคอบ กำชับดูแลครอบครัวนักบินที่เสียชีวิต พร้อมปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีที่เครื่องบินขับไล่/ฝึกแบบที่ 1 หรือแอล-39 ZA/ART ประสบอุบัติเหตุตกที่ จ.ตาก จนเป็นเหตุให้ น.ต.เกริกเกียรติ สุวรรณโณ นักบินเสียชีวิต และ น.อ.จิรศักดิ์ นามวงศ์ศรี นักบินอีกคนได้รับบาดเจ็บว่า ตนได้รับทราบเหตุการณ์แล้วจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของส่วนตรวจสอบอากาศยานอุบัติเหตุ เข้าพื้นที่เพื่อเข้าไปตรวจสอบตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ส่วนของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งนี้ยืนยันว่าเครื่องบินและนักบินมีความสามารถ ที่ไปปฏิบัติภารกิจ ฝึกยุทธวิธีการเข้าโจมตีทางอากาศ เปรียบเสมือนการรบจริง ทุกประการมีการเข้าออกพื้นที่อย่างมุ่งมั่น และดำเนินการอย่างเต็มที่

พล.อ.อ.จอม กล่าวอีกว่า ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบถึงสาเหตุดังกล่าวให้รอบคอบ และดูแลครอบครัวนักบินผู้เสียชีวิต เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของจิตใจ ทั้งนี้ยืนยันว่าก่อนนำเครื่องเก่ามาใช้งานจะมีการตรวจสอบโดยยืนยันว่าเครื่องมีความปลอดภัย แม้จะมีอายุการใช้งานมานาน แต่มีการซ่อมบำรุงของมาด้วยเราอยู่ หรือว่าไปมาตรฐานสูงมาก เครื่องก็ใช้งานได้ตามปกติ

“เราคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น หากเกิดขึ้นแล้วตนก็รู้สึกเสียใจ และขอแสดงความเสียใจถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย อยากให้ทุกคนร่วมกันไว้อาลัยให้กับนักบินที่เสียชีวิต เพราะเขาได้สละชีวิต” ผบ.ทอ. กล่าว และว่า สำหรับเครื่อง L39 นั้น ตนยืนยันว่าปัจจุบันยังสามารถใช้การได้อยู่ แต่มีบางส่วนที่ทยอยปลดประจำการตามอายุขันไปแล้ว ปัจจุบันเครื่อง L39 ที่ได้ปลดประจำการแล้ว ที่เป็นไปตามอายุของเครื่องบิน ซึ่งเครื่องที่ยังใช้งานในปัจจุบันเราก็จะใช้เครื่องบินดังกล่าวไปจนสุดที่สามารถจะใช้ได้
เมื่อถามว่าเครื่อง L39 มีการใช้งานมากกว่า 20 ปีจะมีผ่านปรับปรุงหรือไม่ พล.อ.อ.จอม กล่าวว่า เดิมทีเราใช้เครื่องบิน L39 ในการฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้น จากนี้ไป เราจะใช้เครื่อง T50 มาทดแทน ส่วน L39 ทั้งหมดจะไปรวมอยู่ที่กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้งานจนหมดอายุขัย

เมื่อถามอีกการใช้งานเครื่องบินตามอายุขัยจะเป็นการเสี่ยงต่อนักบินหรือไม่ พล.อ.อ.จอม กล่าวว่า ไม่เสี่ยงเพราะเราตรวจซ่อมตามมาตรฐาน ทุกอย่างต้องใช้การได้ เครื่องที่หมดสภาพหรือหมดอายุขัย ก็ต้องปลดประจำการไปปัจจุบันเครื่อง L39 เหลืออยู่จำนวน 12 เครื่อง จากที่เราเคยมี 50 เครื่อง โดยจะทยอยปลดประจำการ ส่วนที่เหลือตั้งแต่ปี ‭2565 – 2567‬ ที่ผ่านมาเราเคยปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ในโลกเราไม่มีใครนิยมปรับปรุงครั้งที่ 3 สมัยก่อนเครื่อง L39 มีใช้อยู่ทั่วโลก ประมาณ 6,000 เครื่องปัจจุบันมีการใช้งานอยู่ประมาณ 2,000 เครื่อง

เมื่อถามว่ากรณีที่นักบินดีดตัวออกจากเครื่องมาแล้วและเหตุใดยังเสียชีวิต พล.อ.อ.จอม กล่าวว่า เครื่องบินที่บินความสูงที่ต่ำและมีความเร็วสูงเมื่อดีดตัวอันตรายจะอันตราย รวมถึงท่าทางการบินที่อาจผิดปกติ โอกาสเสี่ยงต่อชีวิตมีแน่นอน ซึ่งก็เป็นไปได้

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่านักบินพยายามประคองเครื่องให้พ้นเขตโรงเรียนและชุมชนก่อนที่เครื่องจะตกนั้น พล.อ.อ.จอม กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตามนักบินทุกคนถูกฝึกมาแบบนั้นแต่ในเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรยังตอบไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองทัพอากาศไปให้หน่วยงานของดำเนินการด้านสิทธิกำลังพลให้กับกำลังพลที่เสียชีวิต อย่างเต็มที่ได้แก่ ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น และได้รับพระราชทานยศ เป็น ”พลอากาศโท” รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และเงินบำนาญพิเศษ ประมาณ 34,000 บาทต่อเดือน พร้อมเงินสงเคราะห์ข้าราชการ 2.9 ล้านบาท

ทั้งนี้กองทัพอากาศกำหนดเป็นเจ้าภาพในพิธีสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 23-30 พฤษภาคม ที่ศาลาทักษิณาประดิษฐ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน และได้กำหนดพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 31 พฤษภาคม

 

ที่มา : มติชนออนไลน์