ทนาย”แพท ณปภา”ลุ้นชั้น ผบ.ตร.อีก 7 ส.ค. รอรายงานตัวศาลนัดสุดท้ายตามเงื่อนไขประกันตัว

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความของแพท-ณปภา ตันตระกูล กล่าวถึงกรณีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 3 มีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม สั่งไม่ฟ้องคดีสมคบฟอกเงินยาเสพติดจากการได้รับโอนเงินจากนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง สามีว่า ในชั้นของอัยกาได้ร้องขอความเป็นธรรม และมอบหลักฐานเอกสารการเงิน (Statement) ที่ได้มาจากธนาคาร ส่งมอบให้อัยการครบถ้วนถือว่าเราได้ทำเต็มที่แล้วเกี่ยวกับพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง แต่ขั้นตอนจากนี้ยังต้องรอผลการส่งสำนวนนี้ให้ ผบ.ตร.พิจารณาอีกครั้งว่าจะเห็นแย้งหรือไม่ ขั้นตอนนี้ถือเป็นดุลยพินิจในการทำความเห็นทางกฎหมายว่าจะเห็นเหมือนหรือต่างกับอัยการ ซึ่งเราไม่ต้องยื่นอะไรเพิ่มเติมและไม่ต้องร้องขอความเป็นธรรมอะไรอีกถือว่าพยานหลักฐานที่เราอยากชี้แจงส่งให้ในชั้นอัยการครบถ้วน แต่ถ้า ผบ.ตร.จะเห็นแย้งก็ต้องให้อัยการสูงสุดชี้ขาดตามกฎหมายเป็นขั้นสุดท้ายก็ถือเป็นดุลพินิจต่อความเห็นทางกฎหมายเช่นกัน เราก็ต้องรอติดตามผลต่อไปว่าจะสรุปอย่างไร

นายอาคมกล่าวอีกว่า ส่วนที่ศาลอาญากำหนดนัดให้รายงานตัววันจันทร์ที่ 7 สิงหาคมนี้ตามเงื่อนไขของการประกันตัวชั้นฝากขัง ซึ่งขณะนี้ก็ครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายแล้ว โดยแพทก็ยังต้องไปรายงานตามนัดของศาลอาญา ซึ่งหลังจากรายงานตัวถือว่าทำครบขั้นตอนและเมื่อครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายแล้วอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี ตัวแพทถือว่าพ้นจากอำนาจการควบคุมตัวก็เป็นอิสระแล้ว

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แม้กรณีนี้พนักงานอัยการจะมีความเห็นต่างกับพนักงานสอบสวน ตามขั้นตอนต้องรอให้พนักงานอัยการส่งเรื่องมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีความเห็นว่าจะเห็นพ้องหรือแย้งกับพนักงานอัยการ ซึ่งจะให้พนักงานสอบสวนกลับไปดูสำนวนการสอบสวนว่าจะมีความเห็นเหมือนเดิมหรือไม่ ทั้งนี้้ หาก ผบ.ตร.เห็นพ้องกับพนักงานคดีก็เป็นอันจบไป แต่หากมีความเห็นต่าง นั่นก็คือมีความเห็นควรสั่งฟ้องเหมือนเดิมก็จะส่งสำนวนคดีพร้อมความเห็นส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาดต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีกรอบระยะเวลา แต่จะดำเนินการโดยเร็วและรอบคอบรัดกุม

“ในการสั่งฟ้องผู้ต้องหา เป็นไปตามพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวมรวมได้ และก็สั่งฟ้องไปตามข้อกล่าวหาที่มีพยานหลักฐานรองรับ และน่าเชื่อว่าได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาเหล่านั้นจริงๆ ผู้ที่กลั่นกรอง คือ พนักงานอัยการ อาจจะมีความเห็นเหมือนหรือ ไม่ใช่ว่าอัยการเห็นต่างแล้วจะจบเลย ตามกระบวนการจะต้องย้อนกลับมาถามพนักงานสอบสวน ถามฝ่ายกฎหมาย ถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถามทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ว่าจะเห็นตามพนักงานอัยการ หรือ มีความเห็นเหมือนเดิม ตรงนี้เป็นการถ่วงดุลอำนาจ” รองโฆษก ตร. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.ณปภา จะทำให้ผู้ต้องหารายอื่นได้รับประโยชน์หรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา สุดท้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นอย่างไร ตรงนี้เป็นความอิสระของแต่ละหน่วยงาน คงไม่ก้าวก่ายกัน แต่ในส่วนของตำรวจขณะนี้ก็ได้มีความเห็นสั่งฟ้องอยู่

 

ที่มา : มติชนออนไลน์