เขื่อนวชิราลงกรณ ปริมาณน้ำสูงสุดในรอบ 34 ปี เร่งระบายฉุกเฉิน

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่องแจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ ถึง นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายอำเภอทองผาภูมิ นายอำเภอไทรโยค นายอำเภอท่าม่วง และนายอำเภอท่ามะกา โดยรายละเอียดระบุว่า ตามที่อ้างถึงจังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งให้ทราบว่าเขื่อนวชิราลงกรณจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนระหว่างวันที่ 24-29 กรกฎาคม จากเดิมอัตราร้อยละ 23 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมที่เหมาะสมนั้น

ในการนี้ จังหวัดกาญจนบุรีได้รับแจ้งว่าเขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเขื่อนพยายามควบคุมการระบายน้ำเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านท้ายน้ำตลอดแม่น้ำแควน้อย อันจะทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นด้วยเรื่อยๆ เขื่อนวชิราลงกรณ จึงมีความจำเป็นต้องปรับแผนการระบายน้ำตามการประสานงานกับคณะกรรมการบริหารน้ำและกรมชลประทาน และการปรับเพิ่ม การระบายน้ำ เพิ่มมากขึ้น เพื่อทยอยพร่องน้ำออกไป เพราะเขื่อนยังต้องรับน้ำที่จะมีมากตามฤดูกาลของฝนอีกกว่า 2 เดือน

ทั้งนี้ เขื่อนวชิราลงกรณ ยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรงมีความปลอดภัยสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัยหรือได้รับข่าวต่างๆ ที่ผิดปกติโปรดสอบถามข้อเท็จจริงโดยตรงที่เขื่อนวชิราลงกรณ หมายเลข 0-3459-9077 ต่อ 3111 จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอให้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องผู้ประกอบการตลอดจนประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ ที่อาจได้รับผลกระทบได้รับทราบ สำหรับอำเภอขอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทราบต่อไป

ส่วนทางด้าน นายธนสาร ฐานะวุฑฒ์ วิศวกรระดับ 11 เขื่อนวชิราลงกรณ ทำการแทนผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้รายงานสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ถึง นายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดกาญจนบุรี ดังนี้ 1.จากสถานการณ์น้ำไหลเข้าเขื่อนวชิราลงกรณ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ลดลง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากถึง 171 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 3,325 ล้าน ลบ.ม. มากที่สุดทำลายสถิติในรอบ 34 ปี 2.ปริมาณน้ำในเขื่อน ณ ปัจจุบัน (วันที่ 28 กรกฎาคม) อยู่ที่ 77% สูงกว่าเกณฑ์ควบคุม 2 เมตร เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำและช่วงเวลาเดียวกันกับสถิติปีก่อนหน้า (28 กรกฎาคมของทุกปี) พบว่าปีนี้สูงที่สุดในรอบ 34 ปีเช่นเดียวกัน เหลือความจุรองรับน้ำได้อีก 2,056 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 23% 3.วันนี้ (วันที่ 28 กรกฎาคม) ยังคงมีแนวโน้มน้ำไหลเข้าเขื่อนมากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 00.00-12.00 น. มีน้ำไหลเข้าเขื่อนรวม 80 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าตลอดทั้งวันนี้จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากใกล้เคียงกับเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม

ขณะที่เขื่อนพยายามควบคุมการระบายน้ำในอัตราไม่เกินวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านท้ายน้ำตลอดแม่น้ำแควน้อย ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีอัตราการเพิ่มขึ้นของน้ำในอ่าง 145 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน น้ำเข้า 170 น้ำออก 25 ล้าน ลบ.ม. จะเห็นว่าหากสถานการณ์น้ำไหลเข้าเขื่อนยังคงไม่ลดลง ช่วงช่องว่างที่เหลืออยู่ 2,056 ล้าน ลบ.ม. (23%) จะรับได้อีกไม่นาน จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีความเสี่ยงอย่างมาก ที่จะมีน้ำเต็มเขื่อนจนต้องระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำฉุกเฉินสปิลเวย์ เหมือนเช่นปี 2537, ปี 2540 และปี 2545 ซึ่งระดับน้ำในเขื่อนขณะนี้สูงกว่าระดับน้ำใน 3 ปีที่มีการเปิดสปิลเวย์

ดังนั้น เพื่อบริหารจัดการน้ำในอ่างให้เหมาะสม เกิดผลกระทบในภาพรวมน้อยที่สุด อาจจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำมากขึ้นเพื่อทยอยพร่องน้ำออกไปเนื่องจากเขื่อนยังต้องรับน้ำที่จะมีมากตลอดฤดูกาลของฝนอีกกว่า 2 เดือน ดังนั้นเขื่อนวชิราลงกรณ จะปรับแผนการระบายน้ำตามการประสานงานกับคณะกรรมการบริหารน้ำและชลประทาน และขอยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง

(หมายเหตุ สภาพน้ำที่บริเวณ แม่น้ำแควน้อยไหลมาบรรจบกับแม่น้ำแควใหญ่ กลายเป็นต้นน้ำแม่น้ำแม่กลอง ที่หน้าเมืองกาญจนบุรี)

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์