เขื่อนวชิราลงกรณ ระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ ในรอบ16ปี ทองผาภูมิเตรียมรับ คาดสูงไม่เกิน1ม.

DCIM/100MEDIA/DJI_0370.JPG

จากประกาศศูนย์เฉพาะกิจติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ กฟผ. ฉบับที่ 1/2561 เรื่องแผนการท่องน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ประกาศ ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2561 ให้ปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ เพื่อพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำฯ ตามข้อสั่งการของผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราว ในภาวะวิกฤต สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งให้ทุกหน่วยงานจัดทำแผนการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% หรือสูงกว่าเปิด Upper Rule Curve ให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยจะระบายผ่านช่องทางปกติวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายผ่านทางระบายน้ำล้น (spillway) วันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมเป็นการระบายน้ำวันละ 53 ล้านลูกบาศก์เมตรทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 23-27 สิงหาคม 2561 นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.09 น. วันนี้ 23 ส.ค. ที่บริเวณประตูระบายน้ำล้นสปิลเวย์ เขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ (อขว.) อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นประธานกดปุ่มเปิดระบายน้ำ (Spillway) เป็นวันแรก สำหรับประตูระบายน้ำมีด้วยกัน 2 บาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเปิดประตูทีละบาน โดยยกประตูแต่ละบานขึ้นสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาจากประตูระบายน้ำอยู่ที่เฉลี่ยบานละ 5 ล้าน ลบ.ม. รวม 2 บาน 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ตามที่ได้กำหนดไว้ ขณะเดียวกันก็จะระบายน้ำผ่านช่องทางปกติวันละ 43 ล้าน ลบ.ม. รวมเป็น 53 ล้าน ลบ.ม. โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนมาร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก

นายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ (อขว.) เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบระบบทางด้านเทคนิคในการระบายน้ำผ่านทางระบายน้ำล้น (spillway) มาแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ก่อนจะทำการเปิดประตูระบายน้ำในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ในรอบ 16 ปี สำหรับการเปิดประตูระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ในครั้งนี้ เบื้องต้นได้กำหนดไว้เป็นระยะเวลา 5 วัน อย่างไรก็ตามคาดว่าผลกระทบทางด้านท้ายน้ำจะมีไม่มากนัก เนื่องจากการระบายน้ำเพิ่มอีก 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน จะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ มีความจุ 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับ 155 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) สำหรับข้อมูลปริมาณน้ำวันนี้ ช่วงเวลา 07.00 น. มีปริมาณน้ำเก็บกักร้อยละ 91% คิดเป็น 8,031.89 ล้านลูกบาศก์เมตร ระดับน้ำ 152.81 ม.รทก สูงกว่าระดับ Upper Rule Cuver 2.49 เมตร โดยวานนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง 50.10 ล้าน ลบ.ม. ระบายออก 41.93 ล้าน ลบ.ม.

ในส่วนของพื้นที่ท้ายน้ำซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและรับมวลน้ำเป็นพื้นที่แรก คือ บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซึ่งเป็นพื้นที่สวนสาธารณะ และพักผ่อนของชาวทองผาภูมิและเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่ถูกน้ำในลำน้ำแควน้อยเอ่อล้นเข้าท่วมมานานกว่า 10 วันแล้ว หลังจากที่ห่อนหน้านี้เขื่อนวชิราลงกรณต้องเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากหน้าเขื่อนฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร โดยมวลน้ำจะเคลื่อนตัวมาถึงจุดดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งอยู่ที่ 30 ซม. โดยหลังจากเขื่อนฯ ระบายน้ำเพิ่มผ่านสปิลเวย์อีก 10 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าจุดนี้จะมีระดับน้ำจะสูงจากเดิมไม่เกิน 1 เมตร และเชื่อว่าโดยภาพรวมจะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ มากนัก

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ประชาชนและผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต และแพพัก ที่อยู่ริมแม่น้ำแควน้อยได้เตรียมยกสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อหนีน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับแพพักต่างๆ ที่ผู้ประกอบการได้นำเชือกขนาดใหญ่มาผูกยึดแพไว้ติดกับฝั่งอย่างแน่นหนา เพื่อเพิ่มความแข็งแรง รองรับระดับน้ำที่จะสูงขึ้นและกระแสน้ำที่ไหลแรง

สถานการณ์ในอำเภอที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของแม่น้ำแควน้อย ที่ไหลจากเขื่อนวชิราลงกรณ ณ ปัจจุบันพบว่า อำเภอทองผาภูมิ มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อยในระดับ 30 เซนติเมตร ในพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เทศบาลทองผาภูมิ ไม่มีผลกระทบต่อบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของชุมชน มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อยบริเวณน้ำพุร้อนลิ่นถิ่น ตำบลลิ่นถิ่น ขณะที่อำเภอไทรโยค น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลท่าเสา (บ้านปากแซง) ประมาณ 30 เซนติเมตร ประชาชนได้รับความเดือนร้อน 6 หลังคาเรือน ส่วนอำเภอเมืองกาญจนบุรี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1-2 เมตร ไม่มีผลกระทบต่อบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของชุมชน ซึ่งหลังจากที่เขื่อนฯ ได้เพิ่มการระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ก็จะส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำแควน้อยสูงขึ้นและไหลแรงขึ้นอย่างแน่นอน แต่คาดว่าจะสูงขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยจากระดับเดิม และในส่วนของอำเภอด่านมะขามเตี้ย ระดับน้ำลำภาชี ณ สถานีวัดระดับน้ำ ตำบลหนองไผ่ มีระดับปกติ จึงยังไม่ส่งผลให้มีการเติมน้ำ (Sideflow) เข้าไปยังแม่น้ำแควน้อย

ทั้งนี้ เขื่อนวชิราลงกรณ เคยต้องระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำฉุกเฉินสปิลเวย์ มาแล้วด้วยกัน 3 ครั้ง คือ ในปี 2537 ปี 2540 และปี 2545 ซึ่งผ่านมาเป็นระยะเวลานานถึง 16 ปีแล้วที่เขื่อนฯ ไม่ได้เปิดประตูระบายน้ำฉุกเฉิน จนกระทั่งวันนี้

ที่มา:มติชนออนไลน์