‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง ‘พระสังฆราช-มหาเถรฯ’ ลงดาบเจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ ตัดต้นโพธิ์ทรงปลูก

จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่อายุ 60 ปี บริเวณจุดชมวิวด้านทิศตะวันออก ด้านหลังป้ายแสดงประวัติที่มีพระนามาภิไธยย่อ ภปร.และ สก. บนเขาช่องกระจก ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ถูกตัดโค่น โดยต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในสถูปเจดีย์ด้านทิศเหนือ และทรงปลูกต้นศรีมหาโพธิ์เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2501

เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเรื่อง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และมหาเถรสมาคม ขอให้มีพระบัญชาตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ลงโทษนิคหกรรมแก่เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้กระทำการล่วงละเมิดธรรมวินัยร้ายแรงด้วยการสั่งการให้มีการตัดต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงปลูกไว้เป็นศิริมงคลแก่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า ต้นพระศรีมหาโพธิ์บริเวณยอดเขาช่องกระจก เขตอภัยทาน ในความรับผิดชอบดูแลของวัดธรรมิการาม ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกครั้งเสด็จขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2501 ภายหลังพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นหน่อเดิมจากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ถูกพระราชสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหาร และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดได้ใช้อำนาจโดยพลการสั่งการให้มีการตัดโค่น โดยไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ พ.ศ.2484

“การกระทำดังกล่าวของพระราชสุทธิโมลี เข้าข่ายการละเมิดข้อห้ามของพระธรรมวินัยตามพระวินัยปิฎก หรือพุทธบัญญัติอาบัติข้อ ปาจิตตรีย์ คือ ห้ามทำลายต้นไม้ แม้จะทรงบัญญัติให้แก้ไขได้ด้วยการปลงอาบัติได้ก็ตาม แต่เนื่องจากต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าวเป็นหน่อเดิมจากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา ถือเป็นสัญลักษ์ของพระพุทธศาสนา ที่มีคุณค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า การใช้อำนาจหรือสั่งการตัดโค่นของพระราชสุทธิโมลีจึงเป็นการมิบังควรที่พระภิกษุขั้นผู้ใหญ่ชั้นราชจะกระทำการอันเป็นที่ครหาของสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นการตัดต้นไม้ในพื้นที่ป่าไม้ อันเป็นความผิดทางอาญาต้องอธิกรณ์ในทางโลกอีกด้วย”

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจึงขอกราบทูลมายังพระองค์และมหาเถรสมาคมเพื่อขอให้ทรงพิจารณาและมีพระบัญชาตามพระราชบัญญัติสงฆ์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยลงโทษนิคหกรรมแก่เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้กระทำการล่วงละเมิดธรรมวินัยร้ายแรงและกระทำผิดกฎหมายของบ้านเมือง ตามที่พระองค์และมหาเถรสมาคมจะทรงมีพระบัญชา เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่มิชอบต่ออุบาสก อุบาสิกา และพุทธศาสนิกชนทั่วไปด้วย

“หากฝ่าพระบาทและมหาเถรสมาคมได้ดำเนินการอย่างใด ต่อกรณีนี้ตามคำร้องแล้วใคร่ขอได้โปรดประทานอนุญาตแจ้งให้สมาคมฯทราบด้วยตามมาตรา 41 ประกอบมาตรา 50 มาตรา 53 มาตรา 78 รัฐธรรมนูญ 2560 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด” นายศรีสุวรรณกล่าว

 

ที่มา มติชนออนไลน์