“ประยุทธ์” เร่ง 9 หน่วยงานซื้อยางพารา เตรียมใช้งบ 1.6 หมื่นล้านบาท

‘ประยุทธ์’ เร่ง 9 หน่วยงานซื้อยางพารา เตรียมใช้งบ 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายางให้แล้วเสร็จ

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า จากวันนี้ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 มีหน่วยงานของรัฐ 9 หน่วย ยื่นความจำนงที่จะใช้ยางพาราในภารกิจของตนเองอย่างแน่นอน คือ กระทรวงเกษตรฯ กลาโหม คมนาคม ศึกษาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข มหาดไทย ท่องเที่ยวและกีฬา และกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นปริมาณน้ำยางข้น 22,321.54 ตัน และยางแห้ง 2,952.66 ตัน คิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 16,925,626,588.57 บาท

“นายกฯเร่งรัดให้ทั้ง 9 หน่วยงานดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อกระตุ้นการรับซื้อยางใช้ภายในประเทศจากพี่น้องเกษตรกรให้ได้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2560 โดยเฉพาะหน่วยงานที่ได้ตั้งงบปกติไว้แล้วและหน่วยงานที่จะใช้งบเหลือจ่าย ส่วนบางหน่วยงานที่จะขอเบิกจากงบกลางให้ประสานไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2561 ทั้งนี้ รายการผลิตภัณฑ์ยางที่แต่ละหน่วยงานจะนำไปใช้มีทั้งสิ้น 23 รายการ เช่น ถุงฝายยาง แผ่นรองคอสะพาน ท่อดูดน้ำและส่งน้ำ แผ่นยางกันซึม ยางคั่นรอยต่อพื้นคอนกรีต แผ่นยางปูคอกปศุสัตว์ ยางปูสนามฟุตซอล รองเท้าบู๊ตยาง ถุงมือยาง เป็นต้น โดยขณะนี้กรมชลประทานได้นำร่องรับมอบยางจากการยางแห่งประเทศไทยแล้วจำนวน 100 ตัน เพื่อใช้เป็นวัสดุซ่อมแซมถนนลาดยางที่อยู่ในความดูแลราว 3,000 กม.” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯยังได้ติดตามความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง ที่การยางแห่งประเทศไทยจะร่วมกับผู้ประกอบการส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ 5 บริษัทลงทุนร่วมกัน องค์กรละ 200 ล้านบาทเข้าซื้อยางในตลาด โดยกำชับให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะถือเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการที่จะช่วยให้ราคายางกลับสู่ดุลยภาพได้เร็วขึ้น และส่งผลดีต่อราคายางในอนาคต ทั้งนี้ นายกฯเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง โดยยืนยันว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เพื่อลดอุปสรรคด้านกฎหมายในการบังคับให้ใช้ยางภายในประเทศ เพราะทุกอย่างกำลังได้รับการแก้ไขและมีความคืบหน้าเป็นลำดับแล้ว

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์