ผบช.น. ย้ำจับ โตโต้-การ์ดวีโว่ เป็นความผิดซึ่งหน้า ค้นเจออาวุธเพียบ

ผบช.น. แถลงสรุปเหตุ ชุมนุมหน้าศาลอาญา ย้ำจับโตโต้ พร้อมของกลางอาวุธ เป็นความผิดซึ่งหน้า ส่วนกรณีไม่แจ้งข้อหากลุ่มการ์ดวีโว่ 27 ราย เกรงถูกสลับตัว

เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2564 ข่าวสดรายงาน ที่บช.น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. และ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกตร. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุม ที่บริเวณหน้าแยกลาดพร้าว ต่อเนื่องหน้าศาลอาญา รัชดา เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายทำกิจกรรมและชุมนุมสาธารณะ ดังนี้ 1) กลุ่ม REDEM ร่วมกับกลุ่มการ์ดราษฎรบริเวณห้าแยกลาดพร้าวเดินขบวนไปศาลอาญา 2) กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 บริเวณโลตัสรังสิต เดินขบวนไปกรมทหารราบที่ 11 3) กลุ่มมวลชนเดินทะลุฟ้าบริเวณตลาดเซียร์ รังสิต เดินขบวนไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4) กลุ่มอาชีวศึกษาปกป้องสถาบัน บริเวณแยกราชประสงค์

โดยฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่ากลุ่มนายปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่มวีโว่ กับพวกได้นัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณลานจอดรถชั้น 5 บนห้างเมเจอร์รัชโยธิน และมีการนำอาวุธหรือสิ่งของมาใช้ก่อความวุ่นวายหรือสร้างสถานการณ์ในการชุมนุม

จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายพบนายปิยรัฐ กับพวกพร้อมกระเป๋าเป้ ภายในมี หนังสติ๊ก 15 อัน หัวน็อต 50 ชิ้น ลูกแก้ว 300 ลูก ระเบิดควัน 30 ลูก ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง หมวกกันกระแทก 13 ใบ เสื้อเกราะ 37 ตัว ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน ค้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงยึดไว้เป็นของกลางและควบคุมตัวนายปิยรัฐ กับพวกแบ่งขึ้นรถผู้ต้องหา 3 คัน นำส่ง ตชด.ภ.1

ขณะแล่นออกจากห้างเมเจอร์รัชโยธินได้พบกับกลุ่ม REDEM และกลุ่มการ์ดราษฎร ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทุบรถผู้ต้องหาและพังประตูรถด้านหลังทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวและนำส่ง ตชด.ภ.1 ได้ 18 คน

ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” ข้อหา “ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ” และข้อหา “ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร”

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย โดย 6 นายยังคงพักรักษาที่ รพ.ตำรวจ มีรถควบคุมผู้ต้องหาเสียหาย 9 คัน เป็นรถควบคุมผู้ต้องหา 3 คัน รถกระบะ 1 คัน รถบรรทุก 2 คัน รถบัส 3 คัน

ต่อมาผู้ต้องหาที่ได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีไปบางส่วนได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน 27 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน โดย บช.น. จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดในส่วนให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ทำลายทรัพย์สินราชการ และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า สำหรับคำถามว่าทำไมถึงมีความจำเป็นที่ต้องจับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ พร้อมพวก ในกรณีนี้เนื่องจากการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน มีพยานหลักฐานยืนยันว่ากลุ่มของนายปิยรัฐ มีการนัดรวมตัวบริเวณลานจอดรถชั้น 5 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน

โดยกลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์ในการก่อความวุ่นวายในการชุมนุม หลังจากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบพบนายปิยรัฐ กับพวกจริง ทั้งที่ทางนายปิยรัฐ มีการโพสต์โซเชียลว่าจะไม่เข้าร่วมการชุมนุม ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบมีการต่อสู้ขัดขวางตามที่ปรากฏ

เบื้องต้นตำรวจสามารถตรวจค้นของกลาง ได้หลายรายการ ทั้งนี้ตำรวจมีความจำเป็นต้องเข้าจับกุมเนื่องจากใกล้เวลาที่กลุ่มผู้ชุมนุม REDEM เตรียมเคลื่อนขบวนจากห้าแยกลาดพร้าวจะมาชุมนุมที่ศาลอาญา เพราะเกรงว่ากลุ่มนี้จะก่อเหตุรุนแรงหรือก่อความวุ่นวายในบริเวณที่ชุมนุมจึงทำการจับกุม

แต่ระหว่างที่จะนำตัวผู้ต้องหาออกจากที่เกิดเหตุเพื่อนำไปสถานที่ควบคุม ก็มีกลุ่มบุคคลเข้ามาชิงตัวผู้ต้องหา ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ และมีทรัพย์สินของทางราชการ และทรัพย์สินของผู้ต้องหาหลายรายการที่สูญหายไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตราการคุมตัวผู้ต้องหาเมื่อวานนี้ หละหลวมจนส่งผลให้เกิดเหตุชุลมุนหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า การชุมนุมที่หน้าบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มีความรุนแรง ครั้งนี้เราจึงตัดสินใจจับกุมและพยายามเอาออกให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นมีการปะทะกันซึ่งตำรวจถูกทำร้าย ถูกยิง ถูกยิงด้วยลูกเหล็ก และขว้างปาสิ่งของ ซึ่งตำรวจพยายามทำละมุนละม่อมที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าการจับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ เพราะเกรงว่าจะไปร่วมชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าเวลาจับกุมเป็นช่วงที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในห้าง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ตำรวจจับกุมในลานจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้า และมีข้อบ่งชี้ว่าเขาจะไปร่วมชุมนุม เพราะหากไม่ชุมนุม จะพกของกลางดังกล่าวมาด้วยหรือไม่ หรือพกมากินข้าว

ส่วนกรณีไม่มีหมายจับนั้นสามารถทำได้เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และอีกข้อสังเกตหลังการชุมนุม มีผู้มาแสดงตนว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกช่วยเหลือออกจากรถควบคุม 27 คน แต่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหากล่าวได้ เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ใจว่าใช่บุคคลที่หลุดจากรถควบคุมจริงหรือไม่

ทั้งนี้เบื้องต้นตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย ยังไม่มีใครได้รับการปล่อยตัว เตรียมนำตัวฝากขังที่ศาลอาญา วันที่ 8 มี.ค. และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องจับกี่คน แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ย้ำว่าความรุนแรงหรือไม่รุนแรงอยู่ที่ผู้ชุมนุม ไม่ใช่ตำรวจ อย่างเหตุการณ์เมื่อวานหากไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหาให้พ้นการจับกุม ก็จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีผู้ชุมนุมนำแผ่นป้ายข้อความไปติดตั้งบนรั้วศาลอาญา ทางศาลได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการบุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นเขตอำนาจศาล หลังจากนี้ตำรวจต้องประสานกับศาลอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมด