ผอ.พยาธิวิทยา บอกถือเป็นบทเรียน ลืมดูแลจิตใจญาติ พ่อพ้อลูกตายเสียใจพอแล้ว ไม่เห็นคุณค่าคนตาย

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า นายพิเชษฐ นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ บิดา มารดา และพี่สาว พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิพนธ์ พานิชเจริญ รองผบช.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองจังหวัดนครนายก ได้เดินทางมารับชิ้นส่วนอวัยวะภายในของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ห้องรับศพของทางโรงพยาบาล

พล.ต.ธารา พูนประชา ผอ.พยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า พล.ต.นพ.ธารา พูนประชา ผอ.สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยว่า ทางกฎหมายอนุญาตให้เก็บอยู่แล้วโดยไม่ต้องขอความยินยอม ถือเป็นวัตถุพยาน เพราะต้องไม่ให้ใครมาทำลายวัตถุพยาน ในการเก็บส่วนอวัยวะนั้นเป็นความรอบคอบของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว สาเหตุการตายอย่างฉับพลันของคนส่วนใหญ่เกิดจากหัวใจ สมอง หรือปอด ต้องขออธิบายว่าเพราะเหตุใดถึงไม่ขออนุญาต เรื่องจากถ้าเป็นศพที่ป่วยตายในโรงพยาบาลต้องขออนุญาตจากญาติของผู้เสียชีวิต แต่กรณีดังกล่าวเป็นการตายผิดธรรมชาติ มีทั้งหมด 5 ประเภท คือ 1.ฆาตกรรม 2.ถูกทำให้ตาย 3.ฆ่าตัวเองตาย 4.กินยาพิษ และ 5.ตายโดยไม่รู้สาเหตุ จึงเป็นกฎหมายที่ให้นิติเวชเก็บอวัยวะไว้ได้ แต่กรณีดังกล่าวก็ถือเป็นบทเรียนของทางเจ้าหน้าที่ว่าการดูแลศพก็ต้องดูแลจิตใจคนไข้ด้วย คำที่หมอก่อนหน้านี่ได้ให้สัมภาษณ์ไปนั้นคือรู้แล้วว่าหัวใจล้มเหลวอย่างฉับพลัน แต่มีคำวินิจฉัยทางการแพทย์คือไฮเปอร์โทรฟี่ ซึ่งเป็นการเรียงของเส้นกล้ามเนื้อหัวใจผิดระเบียบ ทำให้เกิดแผลเป็นและแผลเป็นนี่ไปกดไฟฟ้าของหัวใจ ปกติหัวใจจะทำงานในระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ไฮเปอร์โทรฟี่ และไฮเปอร์เวนติเลชั่น ไม่เหมือนกันและไม่คล้ายกัน

พล.ต.ธารา กล่าวว่า ไฮเปอร์เวนติเลชั่นไม่สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้ เกิดจากคนไข้มีอะไรน้อยใจ ทำให้คนไข้วูบได้ แต่ตนไม่ทราบประวัติของคนไข้รายนี้ เพราะยังไม่ได้รับโอพีดี ของโรงพยาบาลนายร้อยพระจุลเกล้าและโรงเรียนเตรียมทหาร จึงไม่ทราบถึงรายละเอียด คือในโรงพยาบาลพยาธิแพทย์จะทำงานในระบบตามคิวซีของโรงพยาบาล ตอนนี้ของเรายังไม่นิ่งยังไม่มีใครทราบ จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมาให้ข่าวเช่นนั้นเพราะโดยธรรมชาติช่วงนี้เด็กจะเสียชีวิตเพราะโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมร้อนเยอะ พล.อ.ประวิตร เลยอาจจะตอบไป เนื่องจากนักข่าวถามก็ต้องตอบถ้าหากนิ่งก็คือว่าไม่ตอบสนอง สำหรับพยาธิแพทย์จะพูดอะไรหรือให้คำตอบอะไรไปนั้นต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่ออกไปขณะนี้คือคนไข้คนนี้หัวใจหยุดเต้นโดยฉับพลัน แต่การหยุดเต้นโดยฉับพลันตรงนี้เกิดจากอะไร ปกติการฉับพลันแพทย์ที่โรงพยาบาลนายร้อยพระจุลเกล้าฯ จะต้องแจ้งตนถึงจะทราบสาเหตุได้ถ้าหากถามว่ามีการซ้อมหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบนี้ไม่มี มีเพียงการผิดปกติของหัวใจ สำหรับภาวะปอดคลั่งเลือดเกิดจากการที่หัวใจหยุดเต้น แต่สำหรับกรณีคนไข้นี้ที่ปอดคลั่งเลือดเป็นปกติที่คนหัวใจหยุดเต้นเพราะเลือดที่เคยไปเลี้ยงหัวใจไม่มีจึงกลับย้อนสู่ปอด อาจหมายเลือดไม่หมุนเวียนนั้นเอง ซึ่งตนผ่าศพมาทุกเคสส่วนใหญ่ก็จะมีเลือดคลั่งปอดจะพบได้ในคนไข้ที่ช็อก หรือหัวใจหยุดเต้นได้เสมอ

พล.ต.ธารา กล่าวต่อว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าอวัยวะชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นของคนไข้หรือไม่ ต้องตรวจสอบยีนซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขอบอกก่อนว่าตนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในกรณีดังกล่าวและไม่จำเป็นต้องไปปกป้องโรงเรียนเตรียมทหาร ตนเหมือนเสาหลักเป็นศาลตัดสินไม่มีการเอนเอียงไม่มีใครมาบังคับตนได้ และถ้าหากโดนบังคับตนจะลาออก เพราะเราต้องเคารพศพที่เสียชีวิตและญาติของผู้เสียชีวิต ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนของทางหน่วยงานที่เราดูแค่ศพและลืมนึกถึงจิตใจญาติ ทั้งนี้จะกลับไปพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวด้วยจริงๆ

พล.ต.ธารา กล่าวด้วยว่า ขอชี้แจงว่ากรณีที่มีการเก็บชิ้นส่วนอวัยวะไว้นั้นทางสถาบันจะไม่ทิ้งจะนำไปทำบุญกุศลสวดอภิธรรมปีละ 1-2 ครั้งแล้วแต่จำนวนอวัยวะ เพื่ออุทิศส่วนกุศล จึงนำไปทิ้งไม่ได้อยู่แล้ว

น.ส.สุพิชชา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแปลว่าทางกฎหมายก็ไม่ได้มีบรรทัดฐานอะไรที่บอกว่าต้องขออนุญาตญาติก่อนแบบนั้นหรือ จากที่ฟังพล.ต.ธาราพูดเหมือนยังทำไม่เสร็จ ถ้าให้ทำต่ออาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม แล้วทำไมถึงมีผลรายงานออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว กรณีที่ยังไม่สามารถสรุปผลได้ก็สามารถใช้หลายคำที่หลีกเลี่ยง อาทิ ผลยังไม่แน่ชัด ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ควรใช้คำแบบนี้มากกว่าที่จะสรุปผลว่าคนไข้เป็นโรคอะไร อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางครอบครัวต้องการเพียงแค่ผลรายงานชิ้นส่วนอวัยวะว่ามีอะไรบ้างและทำอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งนี้ต้องชี้แจงว่าตนและทางครอบครัวไม่ได้มาเร่ง เพราะเข้าใจว่าเสร็จแล้วเนื่องจากผลชันสูตรออกมาเป็นรายงานแล้วจึงมาของรับอวัยวะคืน

นายพิเชษฐเปิดเผยว่า ขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้พูดว่าให้เอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดว่าเป็นโรคฮีทสโตรกบ้าง เป็นทหารต้องอดทนบ้าง และพล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณผบ.สส.ได้ออกมาพูดว่าแถลงข่าวก็ดี คือท่านพูดได้อย่างไรไม่เห็นคุณค่าของลูกตนเลยเหรอ แค่ลำพังลูกเสียชีวิตครอบครัวตนก็เสียใจพอแล้ว ต้องให้แม่มายืนร้องไห้ทุกวันๆ ต่อหน้านักข่าว ท่านลองดูสภาพครอบครัวผมสิครับ ไหนจะ ผอ.โรงพยาบาลเตรียมทหารที่ออกมาพูดว่ามีการสื่อสารผิดพลาดมั่ง และพูดว่า ”ผมไม่รู้ว่าคุณจะไปผ่ารอบสอง” ลักษณะการพูดแบบนี้มันคืออะไร ให้ทางโรงเรียนเขาตอบ หัวอกคนเป็นพ่อถ้าลูกคุณตายคุณจะเสียใจหรือไม่ แค่มาเรียนเป็นนักเรียนเครียมทหารมาก่อน มานอนถึงขนาดจะต้องเสียชีวิตเลยหรือ ก็อยากฝากถึงผู้ใหญ่ในประเทศที่บอกว่าลูกตนไม่อยากเรียนมั่ง อะไรมั่ง มีโรคประจำตัวต่างๆ นานๆ ก็อย่างหัวใจหยุดเต้นฉับพลันหรือหัวใจวายก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเกิดจากอะไร ก็ได้ยินแต่คำตอบแบบเดิม ๆ จากที่ไหนก็ดี และสิ่งที่ไม่พอใจคือคุณเก็บอวัยวะลูกของตนโดยที่ไม่บอก ถ้าเผาไปแล้วจะให้รู้สึกอย่างไรเผาลูกไปทั้งที่อวัยวะไม่ครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางนางสุกัลยาได้เดินไปเปิดกล่องอวัยวะที่มีหัวใจและกอดกล่องพร้อมพูดว่า “เมยแม่จะบอกทุกครั้งว่าใจแม่คือใจลูกมีอะไรบอกแม่ บอกแม่นะ” พร้อมร้องไห้และทุบกล่องเบาๆ เพื่อให้ลูกได้รู้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์