หมอธีระเตือน ไทย “เปิดประเทศ” หากพลาดมีโอกาสเจ็บหนัก

รศ.นพ.ธีระ

หมอธีระเตือนไทยยังเสี่ยงเกินไปที่จะเปิดประเทศ หากพลาดส่งผลกระทบระยะยาว ยกตัวอย่าง สิงคโปร์ เจอระบาดซ้ำหนัก แม้ประชากรฉีดวัคซีนแล้ว 80%

วันที่ 20 กันยายน 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ประจำวันนี้ (20 ก.ย.) ระบุว่า

เมื่อวาน (19 ก.ย.) ทั่วโลกติดเพิ่ม 349,947 คน รวมแล้วตอนนี้ 229,260,555 คน ตายเพิ่มอีก 5,708 คน ยอดตายรวม 4,704,927 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร ตุรกี และรัสเซีย

อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 32,638 คน รวม 42,900,813 คน ตายเพิ่ม 309 คน ยอดเสียชีวิตรวม 691,878 คน อัตราตาย 1.6%

อินเดีย ติดเพิ่ม 30,809 คน รวม 33,477,819 คน ตายเพิ่ม 296 คน ยอดเสียชีวิตรวม 445,165 คน อัตราตาย 1.3%

บราซิล ติดเพิ่ม 9,458 คน รวม 21,239,783 คน ตายเพิ่ม 239 คน ยอดเสียชีวิตรวม 590,786 คน อัตราตาย 2.8%

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่ม 29,612 คน ยอดรวม 7,429,746 คน ตายเพิ่ม 56 คน ยอดเสียชีวิตรวม 135,203 คน อัตราตาย 1.8%

รัสเซีย ติดเพิ่ม 20,174 คน รวม 7,274,928 คน ตายเพิ่ม 793 คน ยอดเสียชีวิตรวม 198,218 คน อัตราตาย 2.7% อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิหร่าน อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น

หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 93.11 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง

ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลักหมื่น ญี่ปุ่น เมียนมา อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ติดกันหลักพัน กัมพูชา และลาว ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไต้หวัน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

สถานการณ์โควิดในไทย

เมื่อวาน (19 ก.ย.) จำนวนติดเชื้อใหม่ 13,576 คนที่รายงานนั้น ยังคงสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก แต่หากรวมจำนวนที่ตรวจ ATK อีก 2,509 คน จะทำให้แซงขึ้นเป็นอันดับ 7 ของโลก เป็นรองเพียงแค่อเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร ตุรกี รัสเซีย และฟิลิปปินส์เท่านั้น

ด้วยความซับซ้อนของระบบสังคมที่เป็นอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่ยังรุนแรงต่อเนื่องดังที่เห็นในปัจจุบัน ทิศทางนโยบายที่มุ่งหน้าไปสู่การเปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ โดยที่มีโรคระบาดในพื้นที่ และระบบสนับสนุนที่จำเป็นยังมีข้อจำกัด

ทั้งการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน การใช้วิธีตรวจทางเลือก (ATK) ที่อาจมีความไวไม่มากนักและเสี่ยงต่อการเกิดผลลบปลอมได้ รวมถึงเรื่องวัคซีน ทั้งเรื่องชนิดที่ใช้ และปริมาณที่ยังไม่เพียงพอหรือครอบคลุม

ความเสี่ยงต่อการระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นย่อมมีสูง ดังจะเห็นได้จากหลากหลายพื้นที่ที่กำลังเผชิญอยู่
ปัจจัยข้างต้นจะนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ที่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ หากการระบาดเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น และจะนำไปสู่ผลกระทบทุกมิติ ทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม

สิ่งที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดคือ ทั่วโลกขณะนี้มีการระบาดที่ชะลอตัวลงชัดเจน แต่จะเห็นได้ว่า ประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่ที่ได้เรียนรู้จากสงครามนี้มาเกือบสองปี มักจะเลือกตาเดินแบบระมัดระวังในการเปิดใช้ชีวิตและเปิดประเทศ โดยเน้นให้จัดการควบคุมโรคให้มีจำนวนการติดเชื้อลดลงให้ได้ และเน้นการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง และฉีดให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในสังคมเสียก่อน

บางประเทศฉีดครอบคลุมไปนานกว่า 6 เดือนก็เจอระบาดซ้ำจนต้องมาฉีดเข็มกระตุ้นซ้ำเพราะความรู้ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าระดับภูมิคุ้มกันจะค่อย ๆ ลดลงตามเวลาที่ผ่านไป หลังฉีดกระตุ้นก็พบว่า สามารถคุมโรคระบาดได้ดีขึ้นชัดเจน เช่น อิสราเอล สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์

ไทยยังเสี่ยงที่จะ “เปิดประเทศ”

มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่พยายามประกาศว่า จะใช้ชีวิตท่ามกลางโรคระบาด หรือ Living with COVID-19 เช่น สิงคโปร์ ไทย เป็นต้น โดยล่าสุดก็เห็นชัดเจนว่า สิงคโปร์ประสบการระบาดซ้ำที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ได้รับวัคซีนกันไปกว่า 80% ของประชากรก็ตาม

หันมามองไทยเรา จำเป็นต้องประเมินและยอมรับความจริงว่า หลายเรื่องยังไม่พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ระบาดที่เป็นหลักหมื่นเช่นนี้ และเรื่องวัคซีนที่ไม่เพียงพอไม่ครอบคลุม จึงเสี่ยงเกินไปที่จะเปิดเมือง เปิดประเทศ หากเดินพลาดจะมีโอกาสส่งผลกระทบยาวนานและหนักหนาสาหัส

รศ.นพ.ธีระระบุทิ้งท้ายว่า สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเสมอ
ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก ด้วยรักและห่วงใย