กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์น้ำตั้งแต่วันที่ 10-19 พ.ย. 64 พบ 10 จังหวัดยังมีน้ำท่วมในพื้นที่
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM เปิดเผยว่า เวลา 09.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด โดยผลกระทบจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10-19 พฤศจิกายน 2564
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง ภูเก็ต พังงา และสตูล รวม 53 อำเภอ 157 ตำบล 659 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,371 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด (ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช) รวม 6 อำเภอ 20 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,138 ครัวเรือน ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน-18 พฤศจิกายน 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง
ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่
1.ประจวบคีรีขันธ์ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพาน รวม 1 ตำบล 6 หมู่บ้าน ปราชาชนได้รับผลกระทบ 115 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ภาคใต้ 3 จังหวัด รวม 5 อำเภอ 19 ตำบล 72 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,023 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2.ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอสวี และอำเภอท่าแซะ รวม 15 ตำบล 66 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,876 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ระดับน้ำลดลง
3.สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอท่าชนะ รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
4.นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอขนอม รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน-18 พฤศจิกายน 2564 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง
โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม รวม 21 อำเภอ 233 ตำบล 1,571 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90,116 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 35 ราย แยกเป็น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่
5.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 573 ครัวเรือน
ภาคกลาง 5 จังหวัด รวม 19 อำเภอ 229 ตำบล 1,548 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 89,543 ครัวเรือน ได้แก่
6.สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสองพี่น้อง และอำเภอบางปลาม้า รวม 28 ตำบล 267 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,053 ครัวเรือน
7.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 9 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,020 ครัวเรือน
8.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 106 ตำบล 680 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,385 ครัวเรือน
9.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว รวม 25 ตำบล 81 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,176 ครัวเรือน
10.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน
ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายแล้วในหลายพื้นที่ ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ