อัยการจ่อตั้งคณะทำงานสั่งคดี “สับ วาปี-ภรรยา” รับผิดแทนครูจอมทรัพย์ หลังพงส.สั่งฟ้อง 5 ข้อหา

ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (ภาพจากแฟ้ม)

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม สรุปสำนวนคดีของนายสับ วาปี อายุ 61 ปี และนางจัน วาปี อายุ 59 ปี สองสามีภรรยา ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีที่ร่วมกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูใน จ.สกลนคร ในขบวนการจัดหาพยานเท็จเพื่อรับผิดแทน ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ส่งสำนวนสรุปความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายสับและนางจัน ผู้ต้องหาที่ 1-2 กรณีร่วมกับนางจอมทรัพย์และพวก ที่แยกสำนวนการสอบสวน ฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ มาตรา 267 ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน มาตรา 137 ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา มาตรา 172 และเบิกความเท็จ มาตรา 177 รวม 5 ข้อหา ให้กับพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดนครพนมเพื่อพิจารณาสั่งคดีแล้ว โดยในส่วนของนายสับและนางจัน พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องทั้ง 5 ข้อหา ขณะนี้ทั้ง 2 คนอยู่ระหว่างการฝากขังครั้งที่ 3 จะครบกำหนดในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้หากอัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่ามีความสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งสอบสวนพยานส่วนใดเพิ่มเติมอีก คาดว่าภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ อัยการจะมีความเห็นสั่งคดีได้ อย่างไรก็ดีในความผิดที่มีการกล่าวหานี้ ตามกระบวนการสามารถยื่นฝากขังผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 4 ครั้ง ครั้งละ 12 วัน ดังนั้นถ้าพิจารณาแล้วต้องสอบสวนเพิ่มเติมก็ยังมีเวลาอยู่ในช่วงของการฝากขังครั้งที่ 4

นายประยุทธ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนั้นตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 13 และ 53 จะต้องตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนและสั่งคดี หากมีความเห็นสั่งฟ้องทุกข้อหา พนักงานอัยการสามารถยื่นฟ้องผู้ต้องหาได้เลย โดยจะต้องรายงานอธิบดีอัยการภาค 4 เป็นผู้บังคับบัญชาตามสายงานให้ทราบด้วย แต่หากมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องข้อหาใดข้อหาหนึ่งตามขั้นตอนในระเบียบดังกล่าว จะต้องเสนอให้อธิบดีอัยการภาค 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้สั่งคดี ส่วนนางจอมทรัพย์และพวกที่เกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ทราบว่ายังอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม

 

ที่มา : มติชนออนไลน์