อัยการฟ้อง อดีตลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต ฉ้อโกงเงินวัด 80 ล้าน

อดีตลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต

อัยการยื่นฟ้องอดีตลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต คดีฉ้อโกงเงินวัดวชิรธรรมาราม 80 ล้าน ศาลนัดตรวจหลักฐาน 13 มิ.ย.นี้

วันที่ 2 มิถุนายน 2565 มติชนรายงาน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา อายุ 39 ปี อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อดีตลูกศิษย์คนสนิท สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นจำเลยฐาน ฉ้อโกงปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 265, 268 ทำให้เสียหายรวม 80 ล้านบาทเศษ

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2564 จำเลยซึ่งเป็นลูกศิษย์คนสนิทคอยปรนนิบัติรับใช้สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรฯ ซึ่งมรณภาพเมื่อที่ 15 มีนาคม 2565 มีหน้าที่รับมอบฉันทะจากสมเด็จพระวันรัต ให้เบิกถอนเงินจากธนาคารพาณิชย์ ของสมเด็จพระวันรัต และของวัดวชิรธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดสาขาของวัดบวรฯ มีหลายบัญชีซึ่งเป็นเงินของวัดวชิรธรรมาราม สำหรับเก็บเงินเป็นค่าปฏิสังขรณ์วัด มีสมเด็จพระวันรัตลงนามเซ็นเบิกถอนได้คนเดียว โดยใช้ชื่อบัญชี “สมเด็จพระวันรัตช่วยน้ำท่วม”

โดยจำเลยไปหลอกลวงสมเด็จพระวันรัตว่าจะต้องไปเบิกเงินในบัญชีสองบัญชี เพื่อซ่อมแซมวัดและจ่ายค่าแรงคนงาน รวมสองครั้งเพื่อใช้ในกิจการของวัด เมื่อได้ลายเซ็นแล้วก็นำใบถอนเงินที่มีลายเซ็นไปกรอกข้อความในช่องรายการเบิกถอนโดยไม่มีสิทธิ์ ด้วยเจตนาแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบ เป็นการทุจริตใช้เบิกถอนเงินจากธนาคาร 50 ล้านบาท กับ 30 ล้านบาทเศษสองครั้งรวม 80 ล้านบาทเศษ โดยมีเจตนาจะเอาเงินไปใช้ส่วนตัว

การกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวงสมเด็จพระวันรัตด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยเจตนาทุจริต ทำให้ได้ทรัพย์สินเงินสด แล้วซื้อแคชเชียร์เช็คบ้าง และโอนเข้าบัญชีของจำเลยเองบ้าง การเบิกถอนการโอนแต่ละครั้งต้องใช้บัตรประชาชนกับสมุดบัญชีเงินฝากของสมเด็จพระวันรัตไปแสดงต่อธนาคาร สร้างความเสียหายแก่วัดวชิรธรรมาราม ต่อมาศาลอาญาได้ออกหมายจับ แล้วจับจำเลยได้ที่คอนโดมิเนียมพร้อมรถยนต์หรู (แยกดำเนินคดีฟ้องเงิน) กับบัตรประชาชนของสมเด็จพระวันรัตอยู่กับจำเลย

ท้ายฟ้องคดีนี้อัยการยังยื่นฟ้องขอให้จำเลยคืนทรัพย์ที่ได้ยักยอกจำนวน 80 ล้านเศษแก่วัดวชิรธรรมาราม

ภายหลังพนักงานอัยการยื่นฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งประทับรับฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.1117/65 พร้อมนัดตรวจพยานวันที่ 13 มิถุนายน 2565 นี้ โดยให้คู่ความส่งพยานหลักฐานมายังศาลให้อีกฝ่ายตรวจสอบก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับตัวนายอภิรัตน์ จำเลยถูกขังมาตลอดโดยไม่ได้รับการประกันตัว ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ