“สุวรรณภูมิ” เตรียมรับมือ ผู้โดยสารทั่วโลกทะลัก 60 ล้านคน

สัมภาษณ์

คาดการณ์กันว่าปีนี้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของไทยจะมีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกถึงราว 60 ล้านคน หลังจากที่รองรับผู้โดยสารผ่านเข้า-ออกในปี 2559 ที่ผ่านแล้วถึงประมาณ 59 ล้านคน

ทว่า ปัจจุบันสนามบินแห่งนี้มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารเพียง 45 ล้านคนต่อปี และอยู่ระหว่างการลงทุนเฟส 2 เพื่อขยายความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งตามแผนงานจะแล้วเสร็จในปี 2562-2563 นี้

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ศิโรตม์ ดวงรัตน์” ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ถึงแนวทางการบริหารจัดการภายในเพื่อลดความแออัด และเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้โดยสารจากทั่วโลกที่เข้ามาใช้บริการ ไว้ดังนี้

“ศิโรฒน์” บอกว่า ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำการปรับปรุงทางวิ่งฝั่งตะวันออก (บางส่วน) และได้เปิดให้บริการเที่ยวบินได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งทำให้เครื่องบินทุกแบบรวมทั้ง A380 ที่บินพิสัยไกล สามารถใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออกเพื่อทำการบินขึ้น-ลงได้ตามปกติ และเต็มศักยภาพ

ศิโรตม์ ดวงรัตน์

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนเพิ่มลานจอดรถและอาคารจอดรถในอีกหลาย ๆ ส่วนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ เช่น เพิ่มที่จอดรถที่บริเวณทางยกระดับไปแล้ว 240 คัน แผนสร้างลานจอดรถในพื้นที่ระหว่างโรงแรมโนโวเทลและวิทยุการบิน ซึ่งจะรองรับได้ 450 คัน โดยส่วนนี้ทาง ทอท.อยู่ระหว่างทำทีโออาร์ให้ผู้สนใจเข้ามาลงทุนในรูปแบบเดียวกับที่ท่าอากาศยานดอนเมือง คาดว่าจะแล้วเสร็จทันสงกรานต์ปีหน้า

ไม่เพียงเท่านี้ยังมีลานจอดรถด้านหลังโรงแรมโนโวเทลอีก 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งจอดได้กว่า 300 คัน อีกฝั่งจอดได้กว่า 700 คัน ฯลฯ หากทุกโครงการเสร็จที่สุวรรณภูมิจะรองรับรถได้กว่า 9,000 คัน

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้พยายามโปรโมตให้ผู้โดยสารคนไทยหันมาใช้ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีคนไทยใช้บริการในสัดส่วนประมาณ 20% ในจำนวนนี้นิยมใช้ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติเพียงแค่ 60% เท่านั้น ขณะนี้ทาง ทอท. กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง เพื่อให้ผู้โดยสารจากสิงคโปร์และฮ่องกงสามารถใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัตินี้ได้ด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ยังเพิ่มบริการอำนวยความสะดวกในการยกกระเป๋าออกจากสายพานสำหรับนักท่องเที่ยวที่รอยื่นทำ visa on arrival (ในกรณีที่มีเที่ยวบินมาลงแล้ว) เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งมีแผนปรับปรุงและเพิ่มเติมห้องน้ำภายในท่าอากาศยานให้มีบริการมากขึ้นอาทิ เพิ่มห้องน้ำบริเวณชั้น 4 อีก 2 จุด เพิ่มห้องน้ำบริเวณที่รองรับกระเป๋า ชั้น 2 เป็นต้น

ต่อคำถามเรื่อง แนวคิดในการเปิด “จุดรับมอบสินค้าปลอดภาษี” หรือ pick up Counter ให้กับผู้ประกอบการร้านค้าปลอดภาษีรายใหม่ “ศิโรฒน์” ตอบว่า ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่ได้รับคำสั่งให้เปิดจุดส่งมอบสินค้าปลอดภาษีให้ใครจากบอร์ดบริหารของ ทอท. แต่อย่างใด

แต่เท่าที่ทราบนั้นขณะนี้ทาง ทอท.กำลังเตรียมจัดจ้างที่ปรึกษาเข้ามาวิเคราะห์และศึกษาโครงการลงทุนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ว่ามูลค่าโครงการเท่าไหร่และควรจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป

“ศิโรฒน์” ยังพูดถึงภาพรวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยว่า คาดว่าในภาพรวมปีนี้น่าจะมีผู้โดยสารจากทั่วโลกเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ราว 59-60 ล้านคน โดยจะพบว่าตัวเลขผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ตกไปในช่วงที่รัฐบาลปราบทัวร์ผิดกฎหมายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ขณะที่สายการบินใหม่ ๆ ก็ประสานและติดต่อขอเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่น

และทิ้งท้ายด้วยว่า แผนการเพิ่มความสะดวกสบาย และลดความแออัดนี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี และทำให้นักเดินทางท่องเที่ยวจากทั่วโลกเกิดความประทับใจในประเทศไทยด้วยเช่นกัน