10 สิ่งที่ “ไปรษณีย์กลางบางรัก” สายทำคอนเทนต์ต้องห้ามพลาด

ไปรษณีย์ ไปรษณีย์กลางบางรัก

เปิด 10 สิ่งที่ “ไปรษณีย์กลางบางรัก” แลนด์มาร์กคลาสสิกที่สายทำคอนเทนต์ห้ามพลาด

วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน “อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก” เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กคลาสสิกที่ได้รับความนิยมในการถ่ายภาพ และทำคอนเทนต์มากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่มากกว่ามิติเรื่องสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ด้านการสื่อสารของคนไทยแล้ว ภายในแห่งนี้ยังมีเรื่องราว และสิ่งที่น่าสนใจถึง 10 เรื่องด้วยกัน

1.จุดเริ่มต้นกิจการไปรษณีย์ไทย

ถ้าใครอยากรู้ว่าต้นกำเนิดของไปรษณีย์ไทยเป็นอย่างไร สิ่งแรกที่ไม่อยากให้พลาดก็คือด้านหน้าของอาคารไปรษณีย์กลาง ที่มีพระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขพระองค์แรก

นอกจากจะเป็นผู้ทรงวางรากฐานระบบไปรษณีย์แล้ว ยังทรงริเริ่มระบบตั๋วแสตมป์เพื่อเป็นค่าฝากส่ง และทรงเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า “โพสต์แมน” ก่อนจะมาเป็น “บุรุษไปรษณีย์” หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันว่า “พี่ไปรฯ” ในทุกวันนี้

2.ที่ทำการที่สวยที่สุดในประเทศ

ไปรษณีย์กลางบางรัก มีความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในอาคารมากมาย ตั้งแต่การออกแบบอาคารสไตล์อาร์ตเดโค ประตูทางเข้าเป็นเหล็กหล่อประดับตราสัญลักษณ์ครุฑยุดแตรงอน เส้นสายที่เรียบง่ายและอาคารทรงเรขาคณิต สื่อถึงความหนักแน่นแข็งแรง ภายในโถงตึกไม่มีเสาเลยสักต้นเดียว ถือเป็นตึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯสมัยนั้นที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความสง่างาม

เครื่องแบบของพนักงานที่มีการออกแบบในลักษณะร่วมสมัยและเข้ากับบรรยากาศของที่ทำการแบบไม่มีที่อื่นในประเทศ ส่วนของเคาน์เตอร์ได้มีการจำลองแบบของประตูประดับมาไว้ด้านหลัง ส่วนด้านนอกของอาคารก็มีความสวยงามตามฉบับศิลปะอาร์ตเดโคที่นำความเป็นตะวันตกยกมาไว้ ณ ที่แห่งนี้

3.ประติมากรรมนูนต่ำหนึ่งเดียวในโลก

สิ่งต่อมาที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมก็คืองานประติมากรรมภาพแสตมป์นูนต่ำจำนวน 8 ชิ้น ที่ประดับผนังห้องโถงไปรษณีย์นฤมิตทั้งสี่ด้านของอาคาร และอีก 1 ชิ้น มีการค้นพบภายหลังจึงนำไปประดับที่โถงบันได เป็นผลงานที่ออกแบบโดยบิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทยอย่างศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

ผลงานที่ประดับในอาคารเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนในเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าถึงยุคสมัยของกิจการไปรษณีย์โทรเลขตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน

4.จินตนาการไปกับอดีตกับภาพที่ยังมีชีวิต

ภาพบริเวณชั้น 3 ที่ไม่มีเผยแพร่ที่ไหน ภาพทุกภาพต้องบอกว่ายังเสมือนมีชีวิต ซ่อนเรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ไว้มากมาย เช่น ภาพแบบร่างอาคารที่ไม่ได้สร้าง ก่อนที่จะมาเป็นอาคารในรูปแบบปัจจุบัน ภาพการทำงานของไปรษณีย์ไทยและบุรุษไปรษณีย์ในอดีต ทั้งมีภาพที่ทำการไปรษณีย์ที่สำคัญที่เคยใช้อำนวยความสะดวกให้กับผู้คน ความรุ่งเรืองของกิจการที่ยังคงส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

5.ครุฑยุดแตรงอน ศิลปะแห่งงานปั้น และความอัศจรรย์เหนือกาลเวลา

ใครมีแพลนจะไปเก็บภาพที่ไปรษณีย์กลางบางรัก แล้วไม่ได้ขึ้นไปบนจุดสูงสุดของอาคารต้องบอกว่าเหมือนมาไม่ถึง เพราะบนดาดฟ้าของอาคารมีพบความอันซีนของรูปปั้นครุฑยุดแตรงอนขนาดใหญ่ 3 เท่าของคนจริง

รูปปั้นนี้เคยเป็นสัญลักษณ์ของกรมไปรษณีย์โทรเลข มีลักษณะกายวิภาคด้วยท่ากางปีกที่ดูมีพละกำลัง กำยำ น่าเกรงขาม แตกต่างจากครุฑที่เห็นทั่วไป ที่ไม่ได้มีลวดลายอ่อนช้อย ซึ่งใครที่เคยเก็บภาพกับองค์พญาครุฑจะทราบดีว่า ภาพที่ถ่ายออกมานั้นดูทันสมัยแบบศิลปะสมัยใหม่ ยิ่งถ่ายในช่วงเวลาเย็นภาพที่จะออกมาสวยงามเป็นพิเศษ

นอกจากความงามทางศิลปะยังมีความเชื่อกันอีกว่า พญาครุฑ 2 องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีเรื่องเล่ากันว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารไปรษณีย์กลาง เป็นที่ที่ใกล้การทิ้งระเบิดโดยฝ่ายสัมพันธมิตร แต่กลับได้รับความปลอดภัย ซึ่งชาวบ้านร่ำลือกันว่า เห็นพญาครุฑ 2 องค์ที่อยู่หน้าตึกบินไปปัดลูกระเบิดนั่นเอง

6.เหนือกว่าพื้นที่ส่งจดหมาย และศิลปะตามสไตล์ Beyond Logistics

ใช่ว่าคำว่าไปรษณีย์จะเป็นคีย์เวิร์ดที่จำกัดแค่เรื่องการส่งเท่านั้น จากชุมทางระบบสื่อสารไทยที่รุ่งเรืองในอดีต ในการเป็นศูนย์กลางการรับ คัดแยก และส่งต่อสิ่งของทางไปรษณีย์แล้ว ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากอาคารที่มีคุณค่าทางศิลปะให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

โดยภายในนอกจากจะมีเคาน์เตอร์บริการแล้ว ฝั่งใต้ของอาคารยังเป็นที่ตั้งของศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ หรือ TCDC สำหรับคนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในด้านงานอาร์ต การต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และผลงานการดีไซน์เจ๋ง ๆ ของคนไทย มีโรงละครสุดคลาสสิกรองรับการจัดประชุม การแสดงแขนงต่าง ๆ ตลอดจนมีห้องโถง พื้นที่ส่วนกลาง ดาดฟ้าที่ทุกคนเอ็นจอยกับการถ่ายรูปได้แบบไม่รู้จบ

7.ไปรษณีย์กลางกับห้องแห่งความ (ไม่) ลับ

น้อยคนที่จะรู้ว่าที่ไปรษณีย์กลางก็มีพิกัดลับด้วย มีสองจุดไฮไลต์ที่เรียกได้ว่าควรค่าแก่การเข้าถึง ที่แรกคือห้องใต้ดิน อาคารชั้นล่างของตึกไปรษณีย์กลางที่เป็นชั้นต่ำกว่าระดับพื้นดิน มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึงกว่า 1,500 ตารางเมตร นับเป็นห้องใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้น

ในอดีตเมื่อแรกสร้างใช้สำหรับเก็บสิ่งของและงานบางอย่าง ต่อมาใช้เป็นคลังเก็บตราไปรษณียากร และภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2485 ห้องใต้ดินก็ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป มาใน พ.ศ. 2555 เมื่อมีการปรับปรุงตึกไปรษณีย์กลางครั้งใหญ่ ได้ปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้สำหรับจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ

อีกที่คือ ลิฟต์ดั้งเดิม เป็นลิฟต์ที่ออกแบบก่อสร้างมาพร้อมกับการก่อสร้างอาคารไปรษณีย์กลางเมื่อ พ.ศ. 2478 ติดตั้งอยู่บริเวณเชิงบันไดขึ้นอาคารชั้น 2 และชั้น 3 เป็นลิฟต์ยี่ห้อชินด์เด่อร์ที่สั่งเข้ามาจากเยอรมนี มีประตูชั้นนอกเป็นไม้ยืดแบบอาคารพาณิชย์รุ่นเก่า ส่วนตัวลิฟต์มีประตูบานเหล็กทึบแบบบานเลื่อน

ด้านบนภายนอกมีหน้าปัดครึ่งวงกลม แสดงการขึ้นลงของลิฟต์ ภายหลังการบูรณะอาคารไปรษณีย์กลางครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2555 ได้ปิดใช้งานลิฟต์ดังกล่าว โดยไปติดตั้งลิฟต์ที่ปีกอาคารทั้งสองด้าน และได้อนุรักษ์ช่องปุ่มเรียกลิฟต์เดิมไว้เป็นประวัติศาสตร์

8.“ไปรษณีย์กลาง” รอยต่อร้านอร่อย

อีกเหตุผลที่ต้องไปคือ ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ใกล้ร้านอร่อยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมฮงฮวด ของหวานสูตรโบราณที่ขายมานานกว่า 80 ปี เติบโตเคียงคู่มากับไปรษณีย์กลางบางรัก ชิมเมนูแกงเขียวหวานที่ทานคู่กับโรตี ร้านฮาร์โมนิค หรือข้ามไปที่ฝั่งตรงข้ามร้าน มาดิ ยังมีร้านอื่น ๆ เช่น วัวทองโภชนาสำหรับคนรักเนื้อและอาหารสไตล์จีน และร้านข้าวหมูแดงหมูกรอบบ้านบางรัก เป็นต้น

9.ไปรษณีย์กลางยามเย็น พื้นที่เที่ยวเล่น และบรรยากาศที่เป็นใจ

ในช่วงเวลาเย็นบริเวณหน้าอาคารจะมีการเปิดไฟประดับหลากสีสัน สาดส่องขึ้นบนอาคาร ให้ความสวยงามอีกอารมณ์ แปลกแตกต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง เป็นจุดเช็กอินยอดฮิตที่ใครต่อใครพากันมาแวะเวียนไม่ขาดสาย หรือใครอยากเห็นและเก็บบรรยากาศตอนเย็นให้ได้ยิ่งกว่าตัวอาคาร ก็มีริมน้ำ เป็นท่าเรือสำหรับใช้สัญจรจริงหลังอาคารบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามพลบค่ำ

10.Grand Postal Building สู่ความแกรนด์ยิ่งกว่าในงาน POSTiverse

ด้วยชื่อ Grand Postal Building ทำให้มีการจัดงานใหญ่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานระดับโลก งานระดับชาติ หรืองานแฟชั่นโชว์ โดยเฉพาะในปลายปีนี้ที่จะมีการใช้ไปรษณีย์กลางจัดอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกอย่างการจัดงานแสดง ตราไปรษณียากรโลก 2566 และปิดพื้นที่อวดโฉมความสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์และย่านเจริญกรุง รวมถึงการฉลองครบรอบ 140 ปีกิจการไปรษณีย์ไทยและส่งพลังความสุขให้กับคนไทย

กับไฮไลต์สำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “เจ้าฟ้านักสะสม” จำลองพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แสตมป์ที่แพงที่สุดในโลก และเอเชีย สิ่งสะสมพิเศษจากนักออกแบบชื่อดัง และศิลปินกลุ่ม Art Toy มินิคอนเสิร์ตจากวงดนตรี New Gen และศิลปินรุ่นใหม่ รวมร้านเด็ดจากทุกตรอกซอกซอยสำหรับสายกิน ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. ถึง 3 ธ.ค. 2566