INTUCH โชว์กำไรไตรมาส 3/2566 3,264 ล้านบาท จากส่วนแบ่งกำไรจาก AIS ยังไม่เคาะปันผล
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรเพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- ปิดโรงงานยอดเพิ่มเท่าตัว จับตาธุรกิจรถมือสองเสี่ยง
- กดเงินไม่ใช้บัตร ATM พุ่ง 3 เท่า แห่เปิดใช้ข้ามแบงก์-เพิ่มค่าฟี
ผลประกอบการได้จากส่วนแบ่งของกำไร AIS ในธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ประกอบกับการพัฒนากระบวนการทํางานสามารถบริหาร ต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งการขยายพื้นที่ให้ บริการ 5G ได้ครอบคลุมร้อยละ 87 ของประชากร ทําให้ มีจํานวนผู้ใช้บริการ 5G ในระบบเพิ่มขึ้นส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ บริการต่อเดือน (ARPU) เพิ่มขึ้น ณ สนไตรมาส 3/2566 เอไอเอส มีจํานวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 44.45 ล้านราย เป็น 5G จํานวน 8.5 ล้านราย มีจํานวนผู้ใช้บริการอิน เทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง 2.38 ล้านราย
ARPU ของทั้ง บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน กำไรของ อินทัช ในไตรมาส 3/2566 และงวดเก้าเดือนของปี 2566 กลุ่มอินทัชมีกําไรสุทธิรวม 3,264 ล้านบาท และ 8,836 ล้านบาทตามลําดับ
นอกจากรายได้ค่าบริการที่เพิ่มขึ้นจาก เอไอเอส ยังสามารถการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และกําไรจากการขายเงินลงทุนในแรบบิทไลน์ เพย์รวมทั้งในไตรมาส 3/2566 เอไอเอสมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
โดยในปี 2566 ผลการดําเนินงานของกลุ่มอินทัชไม่มีสวนแบ่งกําไรจากไทยคม เนื่องจาก อินทัชได้ขายเงินลงทุนในไทยคมไปเมื่อปลายปี 2565ในส่วนของการจ่ายเงิน ปันผล ไม่ได้ระบุชัดในรายงาน
รายงานระบุว่า “ปัจจุบันอินทัชมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลจากงบการเงินเฉพาะบริษัท โดยพิจารณาจ่ายในอัตราร้อยละ 100 จากเงินปันผลที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย หากไม่มีเหตุจําเป็นอื่นใด และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดําเนินงานปกติของอินทัชอย่างมีนัยสําคัญ”