กองทัพจีนปรับโครงสร้างใหญ่รอบทศวรรษ เพิ่มกองกำลังไซเบอร์

A member of the People's Liberation Army (PLA) band stands before the opening session of the National People's Congress (NPC) at the Great Hall of the People in Beijing on March 5, 2024. (Photo by Pedro Pardo / AFP)

กองทัพปลดแอกประชาชน ปรับโครงสร้างใหม่ในรอบ 9 ปี เพิ่มหน่วย ไซเบอร์สเปซ ข้อมูล และอวกาศ ชี้พรมแดนไซเบอร์และอวกาศเป็นพื้นที่ความขัดแย้งใหม่ที่ต้องเอาชนะด้วยข้อมูล 

วันที่ 22 เมษายน 2567 สำนักข่าว นิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า จีนได้สร้างหน่วยงานทางทหารให้ใหม่ในกองทัพปลดแอกประชาชนของจีน (PLA) สำหรับปฏิบัติการด้านข้อมูล อวกาศ และไซเบอร์สเปซ ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างทางทหารที่ใหญ่สุดในรอบ 9 ปี หรือเกือบทศวรรษ

จากเดิมกองทัพ PLA ของจีนแบ่งเป็น 4 กองทัพใหญ่ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ ทัพอากาศ และทัพจรวด และมีหน่วยสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Support Force)

การปรับโครงสร้างกองทัพรอบนี้ ได้ปรับให้หน่วยสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Support Force) เพิ่มหน่วยใหม่ 3 หน่วยคือ กองกำลังสนับสนุนข้อมูล (Information Support Force) มีหน้าที่ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสร้างเครือข่ายการสื่อสาร

กองกำลังไซเบอร์สเปซ เป็นการตรวจสอบภัยคุกคามทางไซเบอร์ และปกป้องระบบที่สำคัญของเครือข่ายภายในประเทศ ซึ่งโฆษกกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า กองกำลังไซเบอร์สเปซ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสริมการป้องกันเขตแดนไซเบอร์ของชาติ เพื่อตรวจจับและต่อต้านการบุกรุกเครือข่าย และดูแลความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

ส่วนกองกำลังอวกาศจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและความสามารถในการใช้อวกาศของจีน รวมถึงเพิ่มภารกิจด้านการจัดการข้อมูล และพลาธิการ หรือสายส่งกำลังสนับสนุน (Joint Logistics Support)

ในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้สั่งให้กองทัพเสริมสร้างความแข็งแกร่งในไซเบอร์สเปซและอวกาศ โดยเรียกพวกเขาว่าพรมแดนที่เกิดใหม่ของความสามารถเชิงยุทธศาสตร์

ประธานาธิบดีสียังกล่าวด้วยว่า การควบคุมข้อมูลคือหนทางสู่ชัยชนะในสงครามสมัยใหม่”

กองกำลังใหม่ทั้งสามจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของคณะกรรมาธิการการทหารกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของกองทัพจีน ซึ่ง “สี จิ้นผิง” เป็นหัวหน้าคณะกรรมการ

แหล่งข่าวของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวกับนิกเคอิ เอเชียว่า ลำพังหน่วยสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ที่มีการปรับโครงสร้างใหม่นี้ยังมีความสามารถที่จำกัด ในการจัดการข้อมูลทุกด้าน รวมถึงปฏิบัติการทางไซเบอร์ การจัดโครงสร้างใหม่นี้น่าจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สี่เสาของกองทัพเป็นอิสระและเพิ่มระดับความเชี่ยวชาญของตน

การปรับโครงสร้างทางทหารครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ ในปี 2015 มีการลดกำลังพลจากราวประมาณ 2.3 ล้านคน ลง 300,000 คน และสับเปลี่ยนสายบังคับบัญชาจากกองกำลัง 7 มณฑล สู่ 5 กองบัญชาการ และสร้างกองทัพจรวดพร้อมหน่วยสนับสนุนเชิงกลยุทธ์