กสทช. พบเสาโทรศัพท์ยังไม่ได้รับอนุญาตของค่ายมือถือ ปล่อยสัญญาณเขตชายแดน

กสทช. ลงพื้นที่ชายแดน อรัญประเทศ พบเสาสัญญาณของผู้ประกอบการโทรคมนาคม ที่ยังอยู่ระหว่างขอใบอนุญาต ปล่อยสัญญาณมือถือบริเวณชายแดน เตรียมสั่งปรับ 1 แสนบาท เร่งระงับสัญญาณเสาโทรคมนาคมตามชายแดนแล้ว 141 จุด

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้ออกตรวจพื้นที่เสาโทรคมนาคม บริเวณชายแดน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตรงข้ามกับเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตามข้อกำหนดให้ถอนเสาสัญญาณมือถือที่หันสายอากาศไปทางประเทศเพื่อนบ้านโดยตรง

จุดสำคัญ คือ บริเวณตลาดโรงเกลือ เป็นจุดผ่านแดนสำคัญ และฝั่งเพื่อนบ้านเป็นสถานบันเทิง โรงแรม และกาสิโน ทำให้มีผู้คนอยู่หนาแน่น มีความต้องการใช้คลื่นความถี่มาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เสาบริเวณนี้มีการรื้อถอนตัวส่งสัญญาณออกแล้วจำนวนหนึ่ง และบางส่วนหันสายอากาศกลับเข้ามาในตลาดโรงเกลือแล้ว

แหล่งข่าวใน กสทช. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เสาสัญญาณบริเวณตลาดโรงเกลือ หันตัวส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเป็นกลุ่มตึกสูง สถานบันเทิง และย่านกาสิโนในเขตเมืองปอยเปต

Advertisment

โดยระหว่างการลงพื้นที่ รถตรวจสอบสัญญาณคลื่นความถี่ ของ กสทช. ตรวจพบการปล่อยสัญญาณจากเสาแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนบ้านโคกสะแบง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตตั้งเสาโทรคมนาคม จึงเร่งรุดไปตรวจสอบ พบเป็นเสาใหม่สภาพเพิ่งติดตั้งไม่นาน หน้าดินยังไม่ทันแห้ง

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า เสาโทรคมนาคมนี้เปิดใช้สัญญาณ ขณะยังอยู่ระหว่างการขออนุญาต ไม่สามารถทำได้

“ผู้ประกอบการคงมีความหวังดีอยากให้สัญญาณครอบคลุมบริเวณนี้ จึงเร่งเปิดใช้งาน”

นายไตรรัตน์กล่าวเสริมว่า กรณีนี้เป็นการกระทำผิดที่เห็นได้ชัด การลงโทษตามกฎหมายคือการปรับผู้ประกอบการ 1 แสนบาทต่อเสา และหากพบว่ายังกระทำผิดอีกจะเพิกถอนใบอนุญาต

Advertisment

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ สำนักงาน กสทช. พบว่า ขณะนี้เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามแนวชายแดน จ.สระแก้ว ได้หันหน้าเข้าประเทศไทยแล้วเกือบทั้งหมด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผน และเพื่อไม่ให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบได้รับผลกระทบ สำนักงาน กสทช. จะให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดำเนินการติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็กให้ประชาชนสามารถใช้โทรศัพท์ และใช้อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่เกิดปัญหา

มาตรการคุมเข้มคลื่นความถี่

ก่อนหน้านี้ สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ประชุมเพื่อติดตามการประกอบกิจการโทรคมนาคมบริเวณแนวชายแดน โดยมีข้อสรุปมาตรการแก้ไขปัญหาระงับยับยั้งการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ในการกระทำผิด หรือสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย 3 ข้อ คือ

1. ให้ดำเนินการรื้อถอนสายอากาศกรณีเสาที่มีการติดตั้งสายอากาศหันไปทางประเทศเพื่อนบ้านโดยตรงโดย ส่วนเสาที่มีการติดตั้งห่างจากแนวชายแดนออกมาระยะ 200 เมตร เพื่อให้บริการในไทย แต่หันทิศทางไปประเทศเพื่อนบ้านให้ส่งข้อมูลการจำลองการแพร่สัญญาณ (Simulation) ให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาด้วย

2. ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ตรวจสอบว่ามีเครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) รับสัญญาณจากประเทศไทยไปเพื่อกระจายต่อหรือไม่ ถ้ามี ให้ระงับสัญญาณที่เข้าสู่ Repeater ดังกล่าว และ

3. กรณีการให้บริการอินเทอร์เน็ตทางสาย ให้พิจารณาทราฟฟิกที่มีปริมาณมากผิดปกติ และรายงานให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการร่วมกับตำรวจว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมหรือไม่ รวมทั้งให้ผู้บริการทั้งทางสาย และไร้สาย ตรวจสอบ IP ที่ไปปรากฏว่ามีการใช้งานในประเทศเพื่อนบ้านว่ามีการใช้งานผิดวัตถุประสงค์หรือไม่

โดยในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคมนี้ จะมีการหารือทางเทคนิคเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อให้ผู้ประกอบการจัดทำรายงานส่งให้สำนักงาน กสทช. หรือตำรวจต่อไป

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการหันเสาเข้าประเทศอย่างถาวร เพื่อควบคุมความแรงของสัญญาณไม่ให้ล้ำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังเจอปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผ่านการใช้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ต โดยสำนักงาน กสทช. จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการดำเนินการหันเสาสัญญาณโทรศัพท์เข้าประเทศ

รวมทั้งตรวจจับสัญญาณในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

“ผมขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เสาต้นไหนที่อยู่แนวบริเวณตะเข็บชายแดน ไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ ควรรื้อถอนก็ต้องรื้อถอน ส่วนการหันเสาสัญญาณเข้าประเทศขอให้ดำเนินการเป็นการถาวร เรื่องนี้ผมจะไม่ให้ประชาชนที่ใช้ชีวิตปกติได้รับความเดือดร้อน ถ้าต้องติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็กให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตประจำวัน ใช้โทรศัพท์ ใช้อินเทอร์เน็ตได้ตามปกติ ก็ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลประชาชนกลุ่มนี้ด้วย” นายไตรรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ออกมาตรการระงับสัญญาณโทรคมนาคมบริเวณชายแดนโดยเริ่มใน 7 พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ได้แก่ (1) อ.แม่สอด จ.ตาก (2) อ.แม่สาย จ.เชียงราย (3) อ.เชียงของ จ.เชียงราย (4) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

(5) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว (6) อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ (7) อ.เมือง จ.ระนอง โดยปัจจุบันทุกพื้นที่ ที่มีการหันเสาออกนอกประเทศไทยได้มีการระงับสัญญาณรวมแล้ว 141 สถานี และปรับทิศทางสายอากาศเข้าประเทศแล้ว 67 สถานี

ภาพเสาสัญญาณโทรคมนาคมตั้งใกล้กลุ่มอาคารที่พักในเขตเมืองปอยเปต
ภาพเสาสัญญาณโทรคมนาคมตั้งใกล้กลุ่มอาคารที่พักในเขตเมืองปอยเปต