“ไมโครซอฟท์-BMW”ผุดแอปรถอัจฉริยะ

รับยานยนต์ยุคดิจิทัล - BMW พัฒนาฟีเจอรใหม่บนแอปพลิเคชั่นConnected-Drive สร้าง Connected Car เชื่อมรถยนต์กับสมาร์ทโฟน ให้ผู้ใช้งานมีทั้งข้อมูลการชาร์จพลังงาน การบำรุงรักษา ควบคุมการใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ในรถด้วยระยะไกลได้

BMW จับมือไมโครซอฟท์ พัฒนาฟีเจอร์ใหม่บนแอป “ConnectedDrive” รับยานยนต์ดิจิทัล ปักธงยอดขายรถปลั๊กอินไฮบริดในไทย 1.2 ล้านคัน ภายในปี”79 ฟากไมโครซอฟท์ย้ำการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลช่วยเพิ่ม GDP 0.4% แนะธุรกิจใช้ AI เสริมคลาวด์-บิ๊กดาต้า ปรับโฉมธุรกิจ

 

นายคริสเตียน วิดมานน์ ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้จับมือกับไมโครซอฟท์พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ของแอปพลิเคชั่น ConnectedDrive บนระบบคลาวด์ของ Microsoft Azure เพื่อทำให้ “BMW ConnectedDrive” เชื่อมต่อตัวรถ กับคนขับ และเครือข่ายจากภายนอก วิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลที่ได้จากการขับขี่และตัวรถ ใช้ได้กับ BMW iPerformance ได้แก่ BMW330e, BMW530e และ BMW740Le เฟส 2 ผลิตในไทยConnectedDrive ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 2.3 ล้านคน และรถยนต์ BMW กว่า 10 ล้านคันใน 45 ประเทศทั่วโลกเชื่อมต่อด้วยระบบนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้วิสัยทัศน์ NUMBER ONE > NEXT ของ BMW Group สร้างรากฐานสู่ยนตรกรรมโลกดิจิทัล

นายอเล็กซานเดอร์ คอเทช หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู ไอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป กล่าวว่า การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า อาจจะยังมีจำนวนน้อย แต่เติบโตสูง โดยปัจจัยที่ส่งเสริมคือ ภาครัฐสนับสนุน เช่น ลดภาษี, ที่จอดรถฟรี มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อ เช่น สถานีชาร์จไฟที่เพียงพอ โดยในปี 2560 BMW ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1 แสนคัน แต่ตั้งเป้าในปี 2568 จะมีเพิ่มอีก 25 รุ่น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์จำนวน 12 รุ่น ทั้งจะเพิ่มการพัฒนาในแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้ความดูแลด้วย ส่วนในไทยตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไว้ที่1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579

ด้านนายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดิจิทัลกำลังผลักดันให้ทุกอุตสาหกรรมต้องพลิกโฉม ซึ่งในปี 2563 90% ของรถยนต์ใหม่

ทั่วโลกจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ทั้งในปีเดียวกันนั้นการ์ดเนอร์ยังคาดว่าจะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตกว่า 2 หมื่นล้านชิ้น

“การทรานส์ฟอร์มที่สำคัญคือคลาวด์คอมพิวติ้ง ด้วยข้อมูลมหาศาลจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ขณะที่ World Bank คาดว่าการทรานส์ฟอร์มจะช่วยเพิ่ม GDP ไทยได้ 0.4% หรือ 3 แสนล้านบาท”

ขณะที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI กำลังได้รับความสนใจ นอกเหนือจากคลาวด์และบิ๊กดาต้า เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ความต้องการลูกค้า และให้บริการด้วย cognitive technology ที่สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ คิด วิเคราะห์ ภาพ-เสียง พูดคุยโต้ตอบ และจดจำลูกค้าเป็นรายคนได้