“ช้อปปี้” ปักธงขึ้นผู้นำ “แอปช็อปปิ้ง” มุ่งโซเชียลแพลตฟอร์มเชื่อมไลฟ์สไตล์

ตลาดอีคอมเมิร์ซไม่เพียงเติบโตต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ยังเป็นทั้งสนามรบและโอกาสใหม่ของธุรกิจต่าง ๆ ทั้งธุรกิจดั้งเดิม และหน้าใหม่ โดยรายงานของ Google-Temasek ระบุว่า อีคอมเมิร์ซเป็นฟันเฟืองใหญ่ที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 หรือ 4 เท่าของมูลค่าในปี 2019

“ช้อปปี้” (Shopee) ในเครือซีกรุ๊ป (Sea) เพิ่งเข้ามาในตลาดอีคอมเมิร์ซเพียงแค่ 4 ปี ด้วยกลยุทธ์ “โมบายเฟิรสต์” แต่วันนี้ สามารถประกาศว่าเป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นช็อปปิ้งอันดับหนึ่งในอาเซียนและไต้หวันได้แล้ว ทั้งในแง่ยอดคนใช้ต่อเดือนและยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ที่มีกว่า 200 ล้านครั้ง (ข้อมูล ณ ไตรมาส 2)

โดยมีมูลค่าการซื้อขายสินค้า (GMV) กว่า 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มจากปีก่อน 72% และมียอดคำสั่งซื้อรวมกว่า 246.3 ล้านคำสั่งซื้อ เพิ่มขึ้นถึง 92.7%

ถึงอย่างนั้น “ช้อปปี้” ต้องการยกระดับไปสู่ “โซเชียลแพลตฟอร์ม”

ล่าสุดเพิ่งเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่สิงคโปร์ ตั้งอยู่บริเวณสวนวิทยาศาสตร์ (Science Park) มี 6 ชั้น ที่รองรับพนักงานได้ถึง 3,000 คน จากปัจจุบันมี 1,300 คน เพื่อตอกย้ำถึงแผนในการลงทุนขยายธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย

“คริส เฟิง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ช้อปปี้ กล่าวว่า การเชื่อมโยงผู้ใช้ทั่วทั้งภูมิภาค ผ่านการสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่น่าสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน ทำให้ช้อปปี้เติบโตต่อเนื่อง

“เราอยากสร้างอีคอมเมิร์ซที่ไม่ได้เป็นแค่การซื้อขายของ แต่เป็นโซเชียลแพลตฟอร์ม จึงพัฒนาฟีเจอร์ ให้การช็อปปิ้งสนุกขึ้น โต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้งานและแพลตฟอร์มได้มากขึ้น เช่น เกมบนแอป และช้อปปี้ ฟีด ที่ให้ผู้ใช้ติดตามเพื่อน คนขาย และแบรนด์ที่ชอบได้”

ด้าน “เทอเรนซ์ แพง” ประธานฝ่ายปฏิบัติการ ช้อปปี้ กล่าวว่า 2-3 ปีก่อนผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสินค้าออนไลน์อาจมองหาความหลากหลายของสินค้าและราคาเป็นหลัก แต่ปัจจุบันต้องการอะไรที่มากกว่า ซึ่งแต่ละประเทศมีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ในไทยมีฟีเจอร์ “แชต” เพราะคนไทยนิยมใช้งานโซเชียลและแชต เป็นต้น

ทั้งยังอยากทำให้อีคอมเมิร์ซมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับคนซื้อหรือคนขายสินค้า แต่เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน

“จะมีสิ่งใหม่ออกมาต่อเนื่องทั้งในแง่แคมเปญโปรโมชั่น ฟีเจอร์ฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ผ่านโลคอลทีมที่มีความเข้าใจลูกค้า”

แน่นอนว่าอีกไฮไลต์ คือ ฤดูกาลแห่งการช็อปปิ้งออนไลน์ช่วงปลายปี “11.11 Big Sale” ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา และเปิดตัวพร้อมกันใน 7 ประเทศ และจัดยาวต่อเนื่องไปจนถึงวันดีเดย์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน

ขณะที่พันธมิตรของช้อปปี้ ได้แก่ พีแอนด์จีและลอรีอัล ระบุว่า การนำสินค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มของช้อปปี้ ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้บริษัทเข้าถึงและรู้จักลูกค้ามากขึ้น ได้นำข้อมูลมาปรับใช้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น

แน่นอนว่าจะนำมาซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น และอาจกล่าวได้ว่าการขายในยุคปัจจุบันและอนาคตทั้งออฟไลน์และออนไลน์ไม่สามารถแยกจากกันได้