กิมมิกการตลาด 5G

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย ดิษนีย์ นาคเจริญ

การตีปี๊บผลักดันการแจ้งเกิด 5G ของรัฐบาล (โดย กสทช.) ดูจะประสบความสำเร็จอย่างมากในเบื้องต้น ในแง่ที่ว่าทำให้มีการประมูลคลื่นได้จริง และเกิดการแข่งขันจนเม็ดเงินทะลุแสนล้าน เกินกว่าเป้าที่วางไว้เกือบเท่าตัว

ในขณะที่ผู้บริโภคเองก็ดูจะกระตือรือร้นกับการมาถึงของ 5G มาก ๆ ว่ากันว่าอาจส่งผลต่อการตัดสินใจย้ายค่ายมือถือกันได้เลย ทุกค่ายจึงต้องเข้าชิงคลื่นโดยพร้อมเพรียงกัน แม้แต่ “ดีแทค” เพราะถ้าตกขบวนจะเปิดจุดอ่อนให้คู่แข่งชิงลูกค้าไปได้โดยง่าย ทำให้เกิดความเสียเปรียบทางการแข่งขันแน่นอน

จะขนาดนั้นจริงหรือไม่ อีกไม่นานคงเริ่มเห็นบ้างจากการแข่งขันของค่ายมือถือ แต่จะอัดกันหนักแค่ไหน และส่งผลให้ฐานลูกค้ามือถือของแต่ละรายเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง น่าจับตา

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการทำตลาดคงใส่กันไม่ยั้ง แม้ในความเป็นจริงโอกาสที่บริการ 5G จะมีให้ใช้ได้ทั่วถึงทั่วประเทศแบบเดียวกับการปูพรมเครือข่าย 3G หรือ 4G ยากที่จะเป็นไปได้

ส่วนหนึ่งก็เพราะทุกเจ้าเพิ่งลง 4G กันไปไม่นาน ไม่มีใครอยากลงทุนอีกเร็วเกินไปนัก ขอเก็บเกี่ยวอีกสักหน่อยคงจะดีกว่า

และด้วยข้อจำกัดในการขยายเครือข่าย 5G ที่จะเริ่มจากคลื่น 2600 MHz ก่อน ถ้าจะลงให้ทั่วต้องลงทุนหนักมาก เพราะเป็นคลื่นความถี่สูง ประกอบกับโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 5G ก็ยังมีน้อยรุ่น และแพงมาก

ที่เปิดตัวในบ้านเราแล้ว ก็เพิ่งมี “ซัมซุง” กาแล็คซี่ เอส 20 และในต้น มี.ค.จะมีอีกอย่างน้อย 3 รุ่นของยี่ห้ออื่น ๆ เช่น ออปโป้ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวท็อปราคาทะลุ 3 หมื่นทั้งสิ้น

สงคราม “ราคา” ที่เคยมีอยู่แล้วใน 4G ก็คงจะมีอยู่ต่อไป และอาจหนักขึ้นอีก

ทุกค่ายมือถือพูดคล้าย ๆ กันหมดว่า กว่าที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะได้ใช้ 5G จริงจังคงไม่ใช่ในเร็ววันนี้แน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่มีใครรอช้าในการช่วงชิงความเป็นผู้นำในการเปิดให้บริการ

โดยเฉพาะ “เอไอเอสและทรูมูฟ เอช” ขนาดแค่เปิดทดลองทดสอบบริการก็ยังต้องเคลมกันว่า “ทำก่อน-เปิดก่อนใคร” ซึ่งก็พอเข้าใจได้

ด้วยว่า “ทรูมูฟ เอช” พลิกเกมไต่อันดับจากเบอร์ 3 ขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ได้ก็เพราะหลังชิงเปิด 3G ได้ก่อนก็ถล่มแคมเปญปั๊มยอดไม่ยั้ง

ถ้ายังจำกันได้ในช่วงนั้น “เอไอเอส” แค่ประคองตัวรักษาคุณภาพเครือข่ายให้ลูกค้าที่มีอยู่เยอะที่สุด แต่คลื่นน้อยสุดไว้ได้ก็เหนื่อยแล้ว จึงทำอะไรไม่ได้มากนัก ทำให้ในจังหวะนั้นสูญเสียจุดแข็งในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีไป แต่ยังดีที่มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพบริการ และความใส่ใจดูแลลูกค้าผ่าน “พริวิเลจแคมเปญ” ต่าง ๆ มาโดยตลอด จึงมัดใจลูกค้าเดิมไม่ให้ไหลออกไว้ได้ และยังครองความเป็นผู้นำตลาดที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดไว้ได้

แม้จะอยากให้ยืดการประมูลออกไปอีกหน่อย แต่ความลำบากในการมีคลื่นน้อยกว่า ทำให้ “เอไอเอส” ไม่พลาดร่วมเข้าชิงคลื่น 5G ในรอบนี้ และจากสถานะการเงินที่แข็งแกร่งจึงเตรียมตัวมาเคาะราคาชิงคลื่นครบทั้ง 3 ย่านความถี่ ใช้เงินไปเบ็ดเสร็จ 40,000 กว่าล้านบาท แลกกับการอัพสปีดขึ้นเป็นผู้ให้บริการที่มีคลื่นอยู่ในครอบครองมากที่สุด

ส่วนกลุ่มทรู การประมูลคลื่นรอบนี้ได้มา 2 ย่านความถี่ คือ 2600 MHz และ 2.6 GHz ไม่ได้เป็นผู้ที่มีความถี่มากสุดจึงได้แต่บอกว่า “มีครบ 7 ย่าน” และระบุว่า มี “ไชน่า โมบาย” ซึ่งเปิด 5G เป็นรายแรกของโลกเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากการเข้ามาถือหุ้นด้วย จึงน่าจะส่งต่อความสามารถนั้นมายังบริการของตนเองด้วยไม่มากก็น้อย

เชื่อว่าคงเกทับบลัฟแหลกกันไปจนกว่าใครจะกดปุ่มเปิดให้ “ลูกค้า” ได้ใช้จริง ไม่ใช่แค่ “เทสต์” เป็นกิมมิกการตลาด แต่ประโคมกันมากไปแล้วยังใช้ไม่ได้สักทีก็อาจเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเปล่า ๆ