NFTs : การลงทุนแห่งอนาคต หรือแค่ฟองสบู่ ?

Everydays: The First 5000 Days, sold at Christie’s. Image: Beeple
Tech Times
มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สำหรับวงการเทค ไม่มีเรื่องไหนจะฮอตไปกว่าการซื้อขาย NFTs บน blockchain

NFTs ย่อมาจาก nonfungible tokens หมายถึงการแปลงงานดิจิทัลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่สามารถแทนที่ด้วยสิ่งอื่นได้ให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลบน blockchain โดยระบบจะระบุที่มาและเจ้าของที่แท้จริงได้ ปัจจุบัน NFTs ส่วนใหญ่อยู่บน blockchain ของ Ethereum แต่ cryptocurrencies อื่น ๆ เช่น bitcoin ก็สามารถทำ NFTs ได้เช่นกัน

ช่วงแรก NFTs เป็นที่นิยมในกลุ่มศิลปินและเจ้าของผลงานศิลปะดิจิทัลที่มักประสบปัญหาโดนคนขโมยผลงาน NFTs ช่วยทำให้ปัญหานี้ลดลง แต่ไม่ถึงกับหมดไป เพราะยังมีงานดิจิทัลบนโลกออนไลน์ที่เจ้าของยังไม่ได้แปลงให้เป็น NFTs และยังถูกก๊อบปี้ได้อย่างง่ายดาย

ปรากฏการณ์ที่ทำให้ NFTs กลายเป็นกระแสดังไปทั่วโลกเกิดขึ้นตอนที่ Christie’s นำ “ดิจิทัลอาร์ต” ในคอลเล็กชั่น “Everydays : The First 5000 Days” ของ Beeple ออกประมูลขายในวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา โดยทำราคาได้สูงถึง 69.3 ล้านเหรียญ

“Beeple” มีชื่อจริงว่า “ไมก์ วินเคิลแมนน์” เป็นกราฟิกดีไซเนอร์หนุ่มจากแคลิฟอร์เนีย เริ่มทำคอลเล็กชั่น Everydays ในปี 2007 โดยตั้งใจจะวาดรูปให้ได้วันละ 1 รูป เพื่อนำมาประกอบกันเป็นอาร์ตเวิร์กที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบเจอมาตลอด 13 ปี

เขามองว่า NFTs คือ จุดเริ่มต้นของบันทึกบทใหม่แห่งวงการศิลปะ เพราะเปิดโอกาสให้ศิลปินอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของชิ้นงานของตัวเองได้อย่างเป็นระบบทั้งยังทำให้ติดต่อกับลูกค้าไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างพวกแกลเลอรี่ ที่สำคัญยังมีระบบให้ศิลปินหักเปอร์เซ็นต์จากทุกครั้งที่มีการซื้อขายผลงานของตัวเองในอนาคต

หลังผลงานของ “ไมก์” ขายได้ราคาสูงลิ่ว กระแส NFTs ก็มาแรงฉุดไม่อยู่ ทำให้เกิดการแปลงงานดิจิทัลหลากหลายประเภทให้เป็น NFTs เพื่อออกขายเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นทวีตแรกของเจ้าของ Twitter อย่าง “แจ็ก ดอร์ซี” ที่ขายไปในราคา 2.5 ล้านเหรียญ หรือคลิปเหินเวหาทำสแลมดังก์อันโด่งดังของนักบาส “เลอบรอน เจมส์” ก็ขายได้ 2 แสนเหรียญ

ล่าสุด “ทอม แบรดดี้” นักอเมริกันฟุตบอลเจ้าของแชมป์ Super Bowl 7 สมัย ลงทุนก่อตั้ง Autograph เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการซื้อขาย NFTs โดยเขาบอกว่าจะรวบรวมเหล่าคนดังจากหลายแวดวง ทั้งกีฬา บันเทิง แฟชั่น สร้างสรรค์ผลงานดิจิทัลออกขายให้นักสะสมทั่วโลก ชื่อชั้นระดับนี้ย่อมดึงดูดความสนใจจากแฟน ๆ ได้เพราะลำพังแค่การ์ดสะสมรูปของเขาสมัยเริ่มเล่นใหม่ ๆ ยังขายได้ถึง 2.25 ล้านเหรียญเมื่อสัปดาห์ก่อน ทุบสถิติการ์ดสะสมนักกีฬาที่แพงที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้น เม.ย. ที่ผ่านมาราคา NFTs ก็ร่วงแรงกว่า 70% โดย NonFungible.com ระบุว่า ราคา NFTs ที่เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 เหรียญต่อชิ้นในก.พ.หล่นลงเหลือแค่ 1,256 เหรียญต่อชิ้นในวันที่ 5 เม.ย. ทำให้เกิดคำถามว่า หรือ NFTs จะกลายเป็นปรากฏการณ์ฟองสบู่เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

หลายคนเชื่อว่า NFTs จะเลิกฮิตหลังหมดโควิด และมองว่าที่งานดิจิทัลขายได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงนี้เพราะเป็นอะไรที่ขายได้คล่องในยุคโควิดที่ทุกอย่างหยุดชะงักจากคำสั่งล็อกดาวน์

แต่คนเชียร์ NFTs ก็แย้งว่าการขึ้นลงของราคาเป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นได้ในทุกแพลตฟอร์มการลงทุน และจากรายงานของ CoinMarketCap พบว่ามูลค่าตลาด NFTs 38 ชิ้น ในไตรมาสแรกของปีพุ่งขึ้นถึง 8 เท่า คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 22.5 พันล้านเหรียญ ทำให้ตลาด NFTs ยังเย้ายวนและได้รับการจับตามองว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ “ชาญฉลาด”-อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

สำหรับมือใหม่ควรศึกษาให้รอบด้าน เลือกมาร์เก็ตเพลซหรือแพลตฟอร์มที่จะเข้าไปซื้อขายให้ดี แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมตอนนี้ ได้แก่ OpenSea Mintable Nifty Gateway และ Rarible แต่ละแห่งมีเงื่อนไขและค่าบริการต่างกันไป ที่สำคัญ พึงระลึกเสมอว่า “ทุกการลงทุนคือความเสี่ยง”