Opensea ยักษ์ NFT เบอร์หนึ่งปลดพนักงาน 20% จากพิษฤดูหนาวคริปโต

Opensea ยักษ์ NFT เบอร์หนึ่งปลดพนักงาน 20% จากพิษ “ฤดูหนาวคริปโต”

Opensea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกาศปลดพนักงาน 20% เขย่าอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีท่ามกลางความถดถอยของตลาด

วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่านายเดวิด ฟินเซอร์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Opensea ตลาดซื้อขาย NFT ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี ได้ประกาศลดพนักงาน 20% จากทวิตเตอร์ทางการของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา @dfinzer พร้อมได้แนบบันทึกข้อความแจ้งพนักงานไว้ว่า

“พนักงานทั้งหลายที่ล้วนเป็นคนสำคัญในการเดินทางของ Opensea พวกเขาดูแลลูกค้าผู้ใช้งาน ผลักดันภารกิจ และทำงานอย่างหนักและเปี่ยมด้วยความสามารถเพื่อสถาปนาพื้นที่ของ NFT ในกรณีนี้เรามีแผนที่จะให้ความคุ้มครองการชดเชยรายได้ และการคุ้มครองการด้านดูแลสุขภาพ จนถึงในปี 2566 และเร่งการให้สิทธิเหล่านั้นแก่พนักงานที่ถูกปลดออก”

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า บริษัทจะมีพนักงานเหลืออยู่ 230 คนหลังจากการเลิกจ้าง อย่างไรก็ตาม การลดพนักงานครั้งนี้ถือเป็นระเบิดครั้งใหญ่สำหรับ OpenSea ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วงที่อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีเฟื่องฟู

หลังจากการถดถอยของอุตสาหกรรมนี้ตลอดครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทคริปโตฯ ขนาดใหญ่ ได้แก่ Coinbase Global, Gemini Trust, Crypto.com และ BlockFi ทยอยประกาศเลิกจ้างงานครั้งใหญ่เรื่อยมาจนถึงคราวของ Opensea
ตามข้อมูลของตัวติดตามข้อมูลบล็อกเชน DappRadar แพลตฟอร์ม Opensea เคยมีปริมาณการซื้อขายงาน NFT สูงถึง 3.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำตลอดปีนี้ความต้องการใช้ NFT ลดลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดปริมาณซื้อขายใน OpenSea ลดลงครึ่งหนึ่งในเดือนที่ผ่านมา

ส่วนราคาเฉลี่ยของงาน NFT ในตลาดลดลงเกือบ 40% แม้แต่คอลเล็กชั่น NFT แบบ blue-chip เช่น Bored Ape Yacht Club และ CryptoPunks ลดลง นั่นคือ “ความเหน็บหนาว” ของ “ฤดูหนาวคริปโตฯ”

อย่างไรก็ตาม ในบันทึกถึงพนักงานของนาย เดวิด ฟินเซอร์ ยังได้กล่าวถึง “ฤดูหนาวคริปโตฯ”

“เราเคยผ่านฤดูหนาวมาแล้ว และเราสร้างบริษัทนี้ตามรอบวัฏจักรที่เกิดขึ้น เรายังคงมีความแข็งแกร่งในงบดุลและพร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในโอกาสต่อไป ในระหว่างฤดูหนาวคริปโตฯ ยังมีโอกาสครั้งใหญ่ที่จะได้เห็นการกำเนิดของนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์มากมายจากเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอนนี้ ภารกิจของเราในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเศรษฐกิจใหม่แบบ Peer to peer มีความเร่งด่วนและสำคัญมากกว่าเดิม”