กรีนบัส รุกธุรกิจนำเที่ยว “HOP&GO” เต็มสูบเปิด 4 รูต เชื่อม 7 แหล่งท่องเที่ยวดัง จ.เชียงใหม่

กรีนบัส ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจขนส่งรถโดยสารประจำทางสายเหนือ รุกธุรกิจ “HOP&GO” เต็มสูบ มุ่งสู่ไลน์ธุรกิจท่องเที่ยวเต็มตัว โดยใช้รถบัสบริการนำเที่ยวซิตี้ทัวร์ เปิด 4 Route เส้นทางตัวเมืองเชียงใหม่ และแหล่งท่องเที่ยว Eco เชื่อม 7 แหล่งท่องเที่ยวดังเชียงใหม่ พร้อมผนึกเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

วันที่ 28 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด (กรีนบัส) จัดงานแถลงข่าว “HOP&GO” เชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งสาธารณะสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเชียงใหม่ ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายกฤษฏิภาชย์ ทองคำคูณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานสำคัญของบริษัท ในปีนี้คือ การมุ่งเพิ่มธุรกิจขนคน ล่าสุด ได้แตกไลน์ธุรกิจ “HOP&GO” มีจำนวนรสบัสให้บริการรวมทั้งสิ้น 14 คัน ซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวโดยใช้รถบัสบริการนำเที่ยวซิตี้ทัวร์ (hop-on hop-off) ที่ได้รับความนิยมตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญทั่วโลก เป็นการมุ่งเข้าสู่ไลน์ธุรกิจท่องเที่ยวเต็มตัว หลังจากชะลอแผนในช่วงโควิด

ซึ่งจากแนวโน้มของนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง (FIT) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มองเห็นโอกาส โดยเฉพาะแนวโน้มของนักท่องเที่ยวกลุ่ม back pack และกลุ่ม MICE มีมากขึ้นโดยการทำตลาดทั้งหมด จะดำเนินการโดยบริษัท แฟร์แฟร์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของบริษัท กรีน แคปปิตอล ซึ่งเป็น segment ที่แตกไลน์มาทำธุรกิจ OTA หรือ online travel agency ให้บริการจองที่พักทั้งโรงแรม รีสอร์ต บ้านพักวิลล่า รวมถึงบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ

“HOP&GO” ถือเป็นรสบัสนำเที่ยวแห่งแรกของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถบัสปรับอากาศขนาด 40 ที่นั่ง เริ่มเปิดให้บริกาครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จำนวน 2 เส้นทาง โดยวิ่งรับผู้โดยสารในภายตัวเมือง เพื่อไปตามเส้นทางอำแม่ริมและอำเภอแม่ออน สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยตัวเอง เป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT)

HG 1 สายสีชมพู เซ็นทรัลเชียงใหม่ (เซ็นทรัลเฟส)-แม่ริม ให้บริการวันจันทร์ วันพุธ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ แพ็กเกจบัตรโดยสารแบบ 1 วัน ราคา 300 บาท สามารถใช้บริการได้ทุกเส้นทาง ขึ้นลงได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว พร้อมรับคูปองส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

HG 2 สายสีน้ำเงิน ศูนย์การค้าเมญ่า-แม่ออน ให้บริการวันอังคาร วันศุกร์ วันอาทิตย์ แพ็กเกจบัตรโดยสารแบบ 1 วัน ราคา 300 บาท ใช้บริการได้ทุกเส้นทาง ขึ้นลงได้ไม่จำกัดจำเที่ยว พร้อมรับคูปองส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยทั้ง 2 เส้นทางดังกล่าวมีจำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 300 คน นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักเป็นชาวต่างชาติ อาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป

นายกฤษฏิภาชย์กล่าวต่อว่า ทิศทางธุรกิจ HOP&GO มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเพื่อเป็นการเชื่อมระบบคมนาคมรองรับการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ ตามแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว 7 แห่ง ตามดำริ ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แก่ สวนสัตว์เชียงใหม่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ไนท์ซาฟารี เวียงกุมกาม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ วัดพระธาตุดอยคำ และน้ำตกห้วยแก้ว ทำให้ในปี 2567 บริษัทจึงได้เปิดให้บริการเส้นทางใหม่จำนวน 2 เส้นทาง

ได้แก่ HG3 สายสีเขียว น้ำตกห้วยแก้ว-เวียงกุมกาม และ HG4 สายสีแดง เซ็นทรัลเชียงใหม่-น้ำตกห้วยแก้ว เริ่มให้บริการในวันที่ 1 เมษายน 2567 นี้เป็นต้นไป ให้บริการทุกวัน แพ็กเกจบัตรโดยสารแบบ 1 วัน ราคา 200 บาท ใช้บริการได้เฉพาะสายสีเขียว (HG3) และสายสีแดง (HG4) เท่านั้น ขึ้นลงได้ไม่จำกัดเที่ยว พร้อมรับคูปองส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

โดยออกจากต้นทาง น้ำตกห้วยแก้ว, อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย-ร้านนมห้วยแก้ว-เดอะวอล พลาซ่า-วันนิมมาน-สวนสุขภาพสมเด็จย่าฯ-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี-อุทยานหลวงราชพฤกษ์-ลานจอดรถวัดพระธาตุดอยคำ (นักท่องเที่ยวต่อรถสี่ล้อแดงขึ้นวัดพระธาตุดอยคำ)-เชียงใหม่

สปีดคาร์ท-เดอะแค้มป์มวยไทยรีสอร์ท-ร้านอาหารข้าวเม่าข้าวฟ่าง-เวียงกุมกาม-สถานธรรมไท่หลิน-ค่ายมวยเชียงใหม่อินเตอร์-ลานจอดรถวัดพระธาตุดอยคำ-อุทยานหลวงราชพฤกษ์-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี-นิมมานพรอมเมอนาด-โรงแรมอีสตินตัน-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-สวนสัตว์เชียงใหม่ (นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อรถสี่ล้อแดงขึ้นไปดอยสุเทพและดอยปุยได้)-น้ำตกห้วยแก้วและอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย

เส้นทางใหม่ HG 4 สายสีแดง เซ็นทรัลเชียงใหม่-น้ำตกห้วยแก้ว ให้บริการทุกวัน แพ็กเกจบัตรโดยสารแบบ 1 วัน ราคา 100 บาท ใช้บริการได้เฉพาะสายสีแดง (HG4) เท่านั้น ขึ้นลงได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว รถจะวิ่งวนรับส่งผู้โดยสารเส้นทางรอบเมือง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไปยังจุดเชื่อมต่อเส้นทางท่องเที่ยวหลัก 3 เส้นทาง สายสีชมพู (HG1), สีน้ำเงิน (HG2), สีเขียว (HG3)

โดยมีต้นทางออกจาก เซ็นทรัลเชียงใหม่ (เซ็นทรัลเฟส)-สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่-สถานีรถไฟเชียงใหม่-อาคารอนุสาร-ธนาคารกรุงเทพ สาขาท่าแพ-ร้านหนังสือดวงกมล-คูลเมือง ค๊อฟฟี่-วัดราชมณเฑียร-มาร์สซีเอ็นเอ็กซ์-โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่-วัดสวนดอก-สวนสุขภาพสมเด็จย่า-นิมมานพรอมเมอนาด-โรงแรมอีสตินตัน-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-สวนสัตว์เชียงใหม่ (นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อรถสี่ล้อแดงขึ้นไปดอยสุเทพและดอยปุยได้)-น้ำตกห้วยแก้วและอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย-ร้านนมห้วยแก้ว-ศูนย์การค้าเมญ่า-วัดเจ็ดยอดพระอารามหลวง-พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงใหม่-เซ็นทรัลเชียงใหม่ (เซ็นทรัลเฟส)

นายกฤษฏิภาชย์กล่าวด้วยว่า การเปิด Route ใหม่เพิ่มอีก 2 เส้นทางคือ HG3 สายสีเขียว น้ำตกห้วยแก้ว-เวียงกุมกาม และ HG4 สายสีแดง เซ็นทรัลเชียงใหม่-น้ำตกห้วยแก้ว จะทำให้จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเส้นทางที่มีจุดจอดที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งมีผู้เข้ามาท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อปีราว 400,000 คน

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวราว 10% ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่จะใช้บริการ HOP&GO เพื่อเดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลและจะมีความร่วมมือด้านการตลาดร่วมกันในระยะต่อไป