ปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินว่าฤดูร้อนมาเร็วและนานกว่าทุกปี ล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 3 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และตราด ณ วันที่ 26 มีนาคม 2562
ขณะที่น้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมีปริมาตร 44,759 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 63% เป็นปริมาตรน้ำใช้การได้ 21,217 ล้าน ลบ.ม. หรือ 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน พบว่า มีปริมาตรน้ำในอ่างน้อยกว่า 3,721 ล้าน ลบ.ม. โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง จาก 35 แห่งทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่า 30% ได้แก่ เขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี, เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น, เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี
หนองคายหวั่นกระทบส่งออก
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
“อนุชิต สกุลคู” ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย และกรรมการบริหาร บริษัท เจียงอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กลุ่มทุนใหญ่ จ.หนองคาย กล่าวว่า พืชผลทางการเกษตรเป็นสิ่งที่แรกที่จะได้รับผลกระทบ โดยหนองคายมีการส่งผัก และผลไม้จำหน่ายเข้าสู่โรงงาน และส่งออก สปป.ลาว โดยเฉพาะจุดผ่อนปรนบ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ ถือเป็นจุดส่งออกผักและผลไม้ขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น หากมีผลผลิตน้อย จะกระทบต่อการส่งออกทันที
“สำหรับธุรกิจในเครือบริษัท เจียงอินเตอร์เนชั่นแนล อาจได้รับผลกระทบจากการจำหน่ายเครื่องยนต์และเครื่องมือทางการเกษตรได้ลดลง ในกรณีที่สถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงระยะเวลาไม่เกิน 2-3 เดือน เนื่องจากเกษตรกรอาจจะพักทำการเกษตร แต่ที่ผ่านมาหนองคายถือว่าโชคดีมีน้ำโขงและมีโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้ามากถึง 95 แห่ง สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้เป็นอย่างดี”
“ภูเก็ต” ห่วงฝนทิ้งช่วง
“สมใจ สุวรรณศุภพนา” นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า เทศบาลนครภูเก็ตให้บริการน้ำประปาในเขตเทศบาลและใกล้เคียง 18,096 หลังคาเรือน เฉลี่ยวันละ 2.3 หมื่น ลบ.ม. โดยน้ำดิบที่ผลิตน้ำประปามาจากขุมน้ำเทศบาล ขุมเหมืองเอกชน และเขื่อนชลประทานบางวาด ซึ่งขณะนี้เหลือน้ำดิบราว 60% เมื่อเทียบปี 2561 ลดลงกว่า 30% แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เนื่องจากระบบผลิตน้ำประปามีอยู่ 3 สถานี สามารถเชื่อมโยงและช่วยเหลือแลกเปลี่ยนน้ำได้ ได้แก่ น้ำดิบในระบบผลิตถนนดำรง และระบบผลิตขุมน้ำเทศบาล คงเหลือ 8.94 แสน ลบ.ม. สามารถใช้ได้ 36 วัน และน้ำดิบในระบบผลิตขุมน้ำสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ คงเหลือ 8.08 หมื่น ลบ.ม. สามารถใช้ได้ 54 วัน
“หากฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน อาจทำให้ขาดแคลนน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา เทศบาลจึงมีแผนเตรียมรับมือและป้องกันการขาดแคลนน้ำในช่วงสถานการณ์ภัยแล้ง คือ ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมภาชนะเก็บน้ำประปาไว้ใช้ ในกรณีน้ำประปาไหลอ่อน หรือน้ำไม่ไหล หากปริมาณน้ำดิบในแหล่งน้ำไม่เพิ่มขึ้น เทศบาลนครต้องลดแรงดันระบบจ่ายน้ำประปาในช่วงเวลา 10.00-17.00 น. และ 22.00-05.00 น. รวมถึงจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เทศบาลนครภูเก็ต และกำหนดจุดแจกจ่ายน้ำ 3 จุด” สมใจกล่าว
“เพชรบูรณ์” ขอฝนหลวงเติม
“ชาญชัย วงศ์สถาน” นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า เพชรบูรณ์มีพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทาน 20% และนอกเขต 80% ส่วนนี้อยู่ในระยะเฝ้าระวัง ซึ่งเกษตรกรมีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้วและน่าจะไม่มีปัญหา เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำ เช่น อ.หล่มสัก โซนทางเหนือ หรือริมแม่น้ำป่าสัก ขณะที่เขื่อนป่าแดง อ.เมืองเพชรบูรณ์ ตอนนี้ไม่สามารถส่งน้ำให้เกษตรกรได้ และแจ้งเตือนเกษตรกรแล้ว ว่าสามารถส่งน้ำได้เฉพาะเพื่อการอุปโภค-บริโภคเท่านั้น
“จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์ติดตามภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์เดือนละครั้ง ในช่วงฤดูแล้งทางกระทรวงให้ประชุมทุกวันพฤหัสบดี และรายงานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทุกวันศุกร์ อีกทั้งประสานสำนักงานฝนหลวงภาคเหนือ ขอเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนป่าแดงและเขื่อนป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ ที่อยู่ติดทางเขาค้อ ซึ่งมีปัญหาเรื่องประปาวิกฤต” ชาญชัยกล่าว
คาดลุ่มน้ำปิงตอนบนรอดแล้ง
“จานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ” ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ คาดการณ์ว่าฤดูแล้งปี 2562 ลุ่มน้ำปิงตอนบนในเขตชลประทานที่ 1 ครอบคลุม 11 อำเภอในเชียงใหม่ และ 4 อำเภอในลำพูน ไม่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าสามารถบริหารจัดการน้ำจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 รวมถึงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 โครงการเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ จะมีน้ำเหลือประมาณ 45 ล้าน ลบ.ม. สำหรับเตรียมแปลงต้นกล้าฤดูฝนปี 2562 ขณะนี้มีปริมาณน้ำ 201.40 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 76.0% น้อยกว่าปี 2561 ราว 1.84%
โดยปี 2562 จัดสรรน้ำลงลำน้ำปิงตามแผน 110 ล้าน ลบ.ม. แบบรอบเวรแบ่งเป็น 25 งวด โดยล่าสุดส่งน้ำแล้ว 11 งวด รวม 38.59 ล้าน ลบ.ม. เหลือน้ำที่เตรียมจัดสรรอีก 72.16 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับความต้องการใช้น้ำช่วงฤดูแล้ง-ปลายเดือนพฤษภาคม 2562 มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคเกษตร พื้นที่ 161,901 ไร่ มีความต้องการใช้น้ำ 180 ล้าน ลบ.ม. ภาคอุปโภค-บริโภค มีความต้องการใช้น้ำ 21 ล้าน ลบ.ม. และภาคกิจกรรมประเพณี การท่องเที่ยว (สงกรานต์) มีความต้องการใช้น้ำ 1 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ มีความต้องการใช้น้ำรวม 202 ล้าน ลบ.ม. โดยใช้น้ำจากเขื่อนแม่งัดฯ 110 ล้าน ลบ.ม. และ Base Flow 92 ล้าน ลบ.ม.