เชียงรายแห่จัดอีเวนต์ตลอดกรีนซีซั่น ทั้งวิ่งจิบชากาแฟ-ข้ามโขง-ชมศิลปะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายจักรกฤษณ์ เอ่งฉ้วน ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย น.ส.กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้นางนัยนา อินทจักร หัวหน้าฝ่ายอำนวยการรักษาการหัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลนครเชียงราย และ น.ส.รัชกาล ดาวทอง นักพัฒนาการท่องเที่ยวชำนาญการ เทศบาลนครเชียงราย สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขา จ.เชียงราย สมาคมขัวศิลปะเชียงราย แถลงข่าวการเตรียมจัดกิจกรรม “วิ่งเทรลม๋วนใจ๋ ชิมชา-กาแฟ” (Chiang Rai Tea-Coffee Trail Run 2019) ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย

นายจักรกฤษณ์ เปิดเผยว่าโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกิจกรรมการกีฬาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของ จ.เชียงราย ในช่วงกรีนซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยว โดยการใช้สถานที่แข่งขังในเขตเทศบาลนครเชียงรายซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ดอยเขาควายแก้ว” ซึ่งเป็นยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยเขาควาย ที่เป็นต้นกำเนิดของตำนานแมงสี่หูห้าตา

และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ได้ส่งเสริมให้นำมาเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่จัดขึ้นที่ จ.เชียงราย เมื่อเร็วๆ นี้มาแล้ว โดยการแข่งขันวิ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร ตามลำดับ กำหนดจัดวิ่งในวันที่ 25 ส.ค.นี้ และรับสมัครผู้ที่ชอบการวิ่งเทรลเพียง 1,500คนเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าเส้นทางถือว่ามีความท้าทายอย่างมาก และที่สำคัญอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายแต่มีความลาดชันและความสูงตั้งแต่ 200 เมตรขึ้นไปและสูงสุดกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางกว่า 500 เมตรด้วย ทำให้นักวิ่งจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของดอยกลางเมืองเชียงรายที่สมบูรณ์โดยสามารถสมัครได้ที่ http://www.taodoi.com

ซึ่งกิจกรรมนอกจากจะมีการวิ่งตามปกติแล้วยังได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน นำผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟที่มีคุณภาพและมาจากแหล่งปลูกและผลิตที่มีชื่อเสียงใน จ.เชียงราย มาให้ชิม และจัดจำหน่ายด้วยซึ่งจะเป็นส่งเสริมอาชีพของธุรกิจของชาวเชียงรายโดยนำเผยแพร่ออกไปพร้อมกับนักวิ่ง

ส่วน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโร เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น อ.เชียงของ เป็นที่ปรึกษา ได้จัดให้มีการเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งเชียงของ (พรี มาราธอน) รัน ฟอร์ เฟรนชิป 2019 ขึ้น

โดยการแข่งขันดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 8 ก.ย.2562 นี้ ตั้งแต่เวลา 04.00-10.00 น.เพื่อปูทางไปสู่การจัดการแข่งขันมาราธอนครั้งใหญ่ในปี 2563 ต่อไป โดยการเปิดรับสมัครจัดขึ้นที่โรงแรมฟอร์จูนริเวอร์วิว เชียงของ และทางระบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศไทยทาง http://www.chiangkhong.run/ กำหนดรับสมัครเพียงแค่จำนวน 3,500 คน ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมากเพราะได้สัมผัสกับธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง ประเพณีวัฒนธรรมของภาคเหนือล้านนาและยังมีโอกาสข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว อีกด้วย

โดยกำหนดการแข่งขันแบ่งเป็น 3 ประเภทคือวิ่งฟันรัน ระยะทาง 5 กิโลเมตร อัตราค่าสมัคร 499 บาท ประเภทมินิ มาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร อัตราค่าสมัคร 599 บาทและประเภทฮาร์ฟ มาราธอน ระยะ ทาง 21 กิโลเมตร อัตราค่าสมัคร 699 บาท กำหนดจัดเริ่มต้นหรือสตาร์ตจากบริเวณด่านพรมแดนฝั่งไทยก่อนถึงสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 แล้ววิ่งข้ามไปยังฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตามถนนอาร์สามเอตามระยะที่กำหนดประเภทต่างๆ ดังกล่าว แล้วกลับมายังจุดเส้นชัยในฝั่งไทย ณ จุดเดิมต่อไป ทั้งนี้ทุกระยะวิ่งจะได้รับเสื้อวิ่ง กระเป๋าผ้า บิบ และเหรียญรางวัลเมื่อวิ่งเข้าเส้นชัย ส่วนผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัย 100 คนแรกและ 20 คนแรกสำหรับระยะทาง 10 กิโลเมตร และ 21 กิโลเมตร จะได้รับรางวัลพิเศษและรางวัลใหญ่ด้วย

ด้านว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสธร รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นางจิตรา สิทธนานุวัฒน์ วัฒนธรรม จ.เชียงราย และนายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ แถลงข่าวการจัดงานพุทธศิลป์กวีและดนตรีล้านนา ระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.นี้ ณ สมาคมขัวศิลปะ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยกำหนดจัดกิจกรรม 3 กิจกรรมได้แก่การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานและศาสตร์ด้านศิลปะแขนงต่างๆ การจัดแสดงงานพุทธศิลป์กวีและดนตรีล้านนา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเชื่อมโยงสานสัมพันธ์เมืองศิลปะโดยใช้อาคารขัวศิลปะที่ปัจจุบันมีทั้งลานด้านนอก ห้องโถงด้านใน และโซนจัดแสดงผลงานทางภาพวาดหรือจิตรกรรมรวมทั้งชั้น 2 ที่เป็นโซนจัดกิจกรรมไว้รองรับครบครัน

ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ กล่าวว่าในแต่ละปีมีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือน จ.เชียงราย จำนวนมาก และที่ผ่านมาก็สามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดปีละกว่า 20,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มกิจกรรมรองรับโดยเฉพาะช่วงกรีนซีซั่นทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงอาศัยจุดแข็งที่ จ.เชียงราย มีต้นทุนอยู่แล้วคือด้านศิลปะและดนตรีซึ่งเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ทางจังหวัดส่งเสริมเพื่อการยกระดับให้เป็นเมืองศิลปะอยู่แล้วมาจัดแสดงเพื่อให้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่อไป

อาจารย์สุวิทย์ กล่าวว่าเที่ผ่านมาศิลปินทุกคนทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมให้เชียงรายเป็นเมืองศิลปะ ดังนั้นในกิจกรรมครั้งนี้ทางศิลปินเกินกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่มีผลงานด้านพุทธศิลป์จึงจะได้นำผลงานมาจัดแสดง รวมทั้งผลงานของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชีงรายด้วย นอกจากนี้ยังได้เตรียมกิจกรรมเชื่อมโยงสานสัมพันธ์เมืองศิลปะ โดยนำกลุ่มศิลปินไปสานสัมพันธ์กับศิลปินแขนงต่างๆ จากจังหวัดอื่นด้วย

ด้านนางจิตรา กล่าวว่าเมื่อปี 2554 สำนักงานวัฒนธรรม จ.เชียงราย ได้ร่วมกับสมาคมขัวศิลปะจัดงานร้อยใจศิลปินสืบศิลป์เมืองเชียงรายเพื่อพัฒนาและยกระดับศิลปินมาแล้ว จึงทำให้ที่ผ่านมาได้ทำให้ศิลปะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้และการท่องเที่ยวได้ในที่สุด รวมทั้งทำให้ศิลปินเข้าร่วมกับขัวศิลปะมากขึ้นโดยจากเดิมที่มีศิลปิน 100 กว่าคนก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300 คนแล้วในปัจจุบัน ปัจจุบันยังมีสถานที่ทางศิลปะหลายแห่ง เช่น วัดร่องขุ่น ไร่เชิญตะวัน บ้านดำ ขัวศิลปะ ฯลฯ ซึ่งทางจังหวัดจะได้ร่วมกับศิลปินส่งเสริมเหมือนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ต่อไป.