ยักษ์ใหญ่จีน “Cheetah Mobile” รุกหนักตลาดเครื่องแปลภาษา AI ปูพรมเจาะหัวเมืองหลักทั่วไทย

กลุ่มบริษัท Cheetah Mobile ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน รุกหนักตลาดเครื่องแปลภาษา AI ส่ง “Cheetah TALK” ปูพรมหัวเมืองหลักทั่วไทย แต่งตั้ง “อี ดิสทริบิวชั่น” นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว นำร่องตลาดกรุงเทพ ยึดฐานเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางเจาะ 17 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมลงภาคใต้ต้นปีหน้า ตั้งเป้าปี 63 ยอดขายทะลุ 4 หมื่นเครื่อง วาดแผนบุก  CLMV

นายบุญทวี จันทสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อี ดิสทริบิวชั่น จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อราวต้นเดือนตุลาคม 2562 บริษัท อี ดิสทริบิวชั่น จำกัด (E Distribution) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกลุ่ม Cheetah Mobile ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศรายใหญ่ของจีน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง โดยกลุ่ม Cheetah Mobile ได้แต่งตั้งบริษัท อี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ AI (Cheetah TALK) ในตลาดเมืองไทยแต่เพียงผู้เดียว ซึ่ง Cheetah TALK เป็นสินค้าใหม่ในกลุ่ม AI ของ Cheetah Mobile ที่ผลิตในประเทศจีน (กรุงปักกิ่ง) และเพิ่งทำตลาดได้เพียงราว 1 ปี โดยมีตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 3 ที่ Cheetah Mobile จะนำเครื่องแปลภาษา Cheetah Talk มาเจาะตลาด

ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนาม MOU ทางบริษัท อี ดิสทริบิวชั่น ก็ได้เริ่มทำตลาดทันทีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยในช่วงระยะเวลา 1 เดือนสามารถทำยอดขายได้แล้วถึง 80% จากเป้าหมายในปีแรกทั้งหมด 20,000 เครื่อง มีมูลค่าทางการตลาดกว่า 55 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายวางไว้ 3 กลุ่มหลักคือ ลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่ชอบเดินทางไปต่างประเทศ, ลูกค้ากลุ่มคนทำงานที่เกี่ยวข้องในภาคธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรม และลูกค้ากลุ่มองค์กร (Corporate)

“ไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ต้องการความสะดวก โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศ เครื่องแปลภาษา Cheetah TALK จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร หรือกลุ่มคนทำงานด้านท่องเที่ยวก็มีความจำเป็นต้องใช้ คนขับแท๊กซี่ก็เป็นลูกค้าของเรา เพราะต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติ ขณะที่กลุ่มลูกค้าองค์กร ก็สามารถนำเครื่องแปลภาษานี้เป็น Corporate Gifts ให้เป็นของขวัญแก่ลูกค้าได้”

นายบุญทวีกล่าวว่า เครื่องแปลภาษา Cheetah Talk ถือเป็นเทคโนโลยี AI ที่มีความทันสมัยที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงในการแปลภาษาได้ถึง 42 ภาษาทั่วโลก สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ และตอบโจทย์ทุกความต้องการของการสื่อสาร ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ขณะที่ดีไซน์ของเครื่องก็มีความล้ำสมัย ที่มีเพียงปุ่มสัมผัสเดียว ก็สามารถทำให้ทุกๆการสื่อสารมีความง่าย พกพาติดตัวได้ และใช้งานได้ถึง 180 วันต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง โดย Cheetah TALK เป็นสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก กสทช. เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด ได้ขยายพื้นที่การทำตลาดมายังภาคเหนือ โดยวางให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง เพื่อเป็นฐานเจาะตลาด 17 จังหวัดภาคเหนือให้ครอบคลุม ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญ เป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับโลก ภาคเศรษฐกิจมีการขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่จะนำ Cheetah TALK เข้ามาเจาะตลาด ซึ่งถือเป็นตัวเลือกสำคัญของการทำธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว ที่สามารถมีเครื่องแปลภาษา Cheetah TALK เป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อการสื่อสาร

นายบุญทวีกล่าวต่อว่า แผนในปี 2563 ของอี ดิสทริบิวชั่น จะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้นทั้งกรุงเทพฯและเชียงใหม่-ภาคเหนือ ราวเดือนมีนาคมปีหน้าจะขยายตลาดไปยังภาคใต้ เริ่มที่ภูเก็ตและกระบี่ โดยตั้งเป้ายอดขายของปี 2563 จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 40,000 หมื่นเครื่อง คาดว่ารายได้จะอยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้คุยเบื้องต้นกับทาง Cheetah Mobile ถึงการรุกตลาด CLMV และอาเซียนในขั้นต่อไป โดยตลาดที่น่าสนใจ อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์

นายวีเซ็นต์ ลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัท Cheetah Mobile กล่าวว่า  หลังจากบริษัทได้ผลิตเครื่องแปลภาษา Cheetah TALK และนำออกจำหน่ายได้ราว 1 ปี ปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 500,000 เครื่อง โดยมีตลาดหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ถือเป็นเทคโนโลยี AI ของบริษัทที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคนี้อย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมากเช่นกัน เพราะเป็นตลาดท่องเที่ยวขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวจากหลายๆประเทศทั่วโลกเดินทางมาเมืองไทยมากขึ้น จึงมีความเชื่อมั่นว่า Cheetah TALK จะเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ตลาดได้เป็นอย่างดี

ด้านนางสาวกานต์ชนก ประกาศวุฒิสาร ผู้แทนจำหน่ายเครื่องแปลภาษา Cheetah TALK เขตภาคเหนือ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่จะเป็นฐานหลักของการทำตลาด Cheetah TALK ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นในการนำสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ลูกค้ากลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม บริษัททัวร์ มหาวิทยาลัยและกลุ่มองค์กร (Corporate) ซึ่งตลาดตอบรับค่อนข้างดีมาก เนื่องจากเป็นสินค้าเทคโนโลยี AI ที่มีความทันสมัย สามารถใช้งานด้านการสื่อสารภาษาต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และราคาไม่แพงเพียง 2 พันกว่าบาทเท่านั้น โดยในปี 2563 จะขยายตลาดไปยังจังหวัดลำปางและเชียงราย