48 ปีค้าปลีกภูธร “กนกกาญจน์” ชูจุดแข็งราคาถูกแข่ง 4 ห้างยักษ์

การแข่งขันกันอย่างรุนแรงในธุรกิจค้าปลีกตามหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดต่าง ๆ นอกจากต้องแข่งขันระหว่างทุนท้องถิ่นด้วยกันเองแล้ว เมื่อทุนส่วนกลางขยายฐานเข้าไปเปิดศึก ยิ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นต้องปรับตัวกันหนักขึ้นเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจ

โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าเก่าแก่หลายห้างที่เปิดแข่งขันกันอยู่แล้ว ยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ดาหน้ากันเข้าไปเปิด เพื่อหวังรองรับการเติบโตจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งฝั่งไทย และฝั่งเมียนมา ที่เดิมคาดว่าจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เช่น ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี

ดังนั้น ห้างภูธรเก่าแก่เจ้าถิ่นจะปรับตัวอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ณัฐสินี กนกวรกาญจน์” กรรมการผู้จัดการ “ห้างกนกกาญจน์” ทายาทรุ่นที่ 2 ของห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกาญจนบุรี และดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 48 ปี ถึงความเป็นมาของธุรกิจ และการปรับตัวที่ทำให้ยืนหยัดมาได้ถึงทุกวันนี้ว่า

จากตึกแถว 2 คูหาสู่ห้างภูธร

“ณัฐสินี” เล่าว่า หลังเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่งเข้ามาช่วยงานคุณพ่อ “เอี่ยม กนกวรกาญจน์” และคุณแม่ “นิลวรรณรัตน์ กนกวรกาญจน์” และพี่ชายคนที่ 4 “ปริญญา กนกวรกาญจน์”  บริหารกิจการเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพี่น้องคนอื่น ๆ ได้แยกย้ายไปเปิดกิจการของตนเอง อาทิ ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ใน จ.กาญจนบุรี และร้านค่าส่งเครื่องบริโภค รวมถึงกิจการโรงแรมกนกกาญจน์ เพลส ที่อยู่ในเครือกนกกาญจน์อีกด้วย

ณัฐสินีบอกว่า เดิมกนกกาญจน์เริ่มเปิดกิจการเป็นร้านค้าตึกแถว2 ห้อง เมื่อ 23 ปีก่อนจะกลายมาเป็นห้างสรรพสินค้าเต็มตัว 25 ปีจนถึงปัจจุบัน กนกกาญจน์มีอยู่เพียงสาขาเดียว พื้นที่ทั้งหมด 15,000 ตารางเมตร  อยู่ใจกลางเมือง รวมทั้งหมด 5 ชั้น โดยแบ่งเป็นพื้นที่บริการลูกค้าทั้งหมด 3 ชั้นและสำนักงานอีก 2 ชั้น เป็นที่ดินของราชพัสดุ ซึ่งทำสัญญาเช่าระยะยาว เพิ่งต่อสัญญาใหญ่รอบสองเป็นระยะเวลา 30 ปี ถือเป็นทำเลทองอยู่กลางเมือง ทำให้มีปัญหาเรื่องการจอดรถ แต่จะไม่เปลี่ยนทำเลที่ตั้ง เพราะเป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ในตัวเมืองกาญจนบุรี กลุ่มลูกค้าก็เป็นคนเก่าในพื้นที่ แต่พยายามหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มวัยรุ่น

Advertisment

ชูจุดแข็งราคาถูกกว่าตลาด

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ห้างกนกกาญจน์มีการปรับตัวในการบริหารมาตลอด เรามีจุดแข็งในแง่ของราคาสินค้า สถานที่ตั้ง และการบริการ เน้นการขายสินค้าอุปโภค-บริโภคเป็นหลัก ด้วยราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปเหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้า มีจุดแข็งด้านการบริหารในแบบฉบับของตัวเอง เพราะเป็นห้างสรรพสินค้าในท้องถิ่นสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว รวดเร็ว โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ประกอบกับมีสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป สินค้ามีโปรโมชั่นหลากหลาย เช่น ลด แลก แจก แถม

ในส่วนของด้านการบริการ พยายามปลูกฝั่งให้พนักงานบริการเหมือนกับครอบครัวของตนเองและบริการจากใจถึงใจกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยความที่ห้างมีความเก่าแก่จึงทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ทำให้ตอนนี้พยายามปรับเพื่อที่จะดึงดูดให้เด็กรุ่นใหม่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น อย่างการมีร้านชาบู KFC ร้านหนังสือ ซีเอ็ด ร้านชานมไข่มุก และร้านอาหาร อิ่มสุข ซึ่งพยายามปรับจากที่เมื่อก่อนเป็น food center ที่ไม่มีจุดดึงดูด ก็ปรับให้เป็นร้านอาหารที่น่านั่ง และราคาเป็นมิตรกับนักเรียนนักศึกษา ส่วนทางฝั่ง games center เมื่อก่อนมีเพียงตู้คาราโอเกะและเครื่องเกม จึงปรับให้มีบ้านบอลเพิ่ม เนื่องจากเด็กจะขอให้ผู้ปกครองพามา ซึ่งทางกนกกาญจน์ได้เปิดร้านอาหารที่ชื่อว่า “อิ่มสุข” ขึ้น จึงทำให้ยอดโตขึ้นในทุก ๆ ปี ด้วยบริการ รสชาติของอาหาร ความสดใหม่

“นอกจากนี้ยังได้ไอเดียทดลองเพิ่มกลยุทธ์การขายสินค้าทางด้านกีฬาเข้ามาด้วย หลังจากเข้ามาบริหารงาน เพราะส่วนตัวมีความชื่นชอบด้านกีฬาอยู่แล้ว โดยได้นำรองเท้า adidas เข้ามาขายเป็นเจ้าแรกในเมืองกาญจน์ ผลตอบรับอยู่เกณฑ์ดีมาก แต่เทรนการออกกำลังกายไม่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในจังหวัดจึงขายได้เพียงปีเดียว”

Advertisment

ปรับตัวสู้ศึก-ค้าออนไลน์

ณัฐสินีบอกว่า สำหรับการแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มาเปิดในจังหวัดกาญจนบุรี ทางห้างกนกกาญจน์มองว่าเป็นคู่ค้ามากกว่าคู่แข่ง ทำให้เกิดการพัฒนาตัวเองมากขึ้นและคงจุดแข็งเอาไว้

แต่ยอมรับว่าช่วงแรกที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาเปิดมีการดึงซัพพลายเออร์บางส่วนที่เปิดในห้างกนกกาญจน์ไปบ้าง ด้วยภาพลักษณ์ความที่เป็นแบรนด์ห้างใหญ่น่าเชื่อถือ ทำให้ทางห้างกนกกาญจน์ต้องมีการปรับตัว จัดรายการลดแลกแจกแถม เพื่อดึงฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ พร้อมกับสนับสนุนซัพพลายเออร์แบรนด์อื่น ๆ ที่อยู่กับห้างกนกกาญจน์มากขึ้น เพื่อที่จะกระตุ้นยอดขายและช่วยเหลือกันทั้งสองฝ่าย

ขณะเดียวกันปัจจุบันทางห้างกนกกาญจน์ได้ขยายตลาดไปยังช่องทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ลาซาด้า ช้อปปี้ และฟรีส่งผ่านเคอรี่ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี ผู้บริหารมักตื่นตัวกับแบรนด์สินค้าใหม่ แต่ไม่ได้รับความนิยมในระยะยาว ฉะนั้นการนำแบรนด์สินค้าใหม่เข้ามาจึงต้องวางแผนให้รัดกุม

เล็งลงทุนขยายสาขาเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม ณัฐสินียอมรับว่า ในช่วงปีที่ผ่านมากำลังซื้อของห้างกนกกาญจน์ไม่ค่อยดีนัก จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อผ่านโครงการชิม ช้อป ใช้ ส่งผลให้ยอดขายของห้างกนกกาญจน์กระเตื้องขึ้นระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดราชบุรี และสุพรรณบุรี โดยปี 2562 ที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 700 ล้านบาท

ในปี 2563 มีแผนเตรียมการปรับ food center, games center ให้มีความน่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้มีผู้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น จะทำให้ห้างกนกกาญจน์มีความทันสมัยเพิ่มขึ้น และในอนาคตมีแผนขยายสาขาเพิ่มไปอยู่ใน community mall ที่มีแผนจะสร้างใกล้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว และอาจจะขยายสาขาไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดสุพรรณบุรี