ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 มีนาคม 2563) นายวีรชาติ เขื่อนรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 15 และ 17 ได้ร่วมประชุมกับที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนด้านเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงใหม่ ถึงประเด็นปัญหาด้านเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
นายอาคม สุวรรณกันธา ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนด้านเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวในที่ประชุมว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid-19 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดเชียงใหม่ไม่น้อยกว่า 6 เดือนต่อจากนี้ หรือจะถึงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ที่จะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจเกือบทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก โรงแรม ที่พักแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง ที่ยังเชื่อมโยงไปถึงธุรกิจต้นน้ำ ธุรกิจเกษตร ปศุสัตว์ ที่เป็นวัตถุดิบหรือสินค้าให้กับร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และโรงแรม ที่พักต่างๆ เป็นต้น
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ทั้งนี้ โครงสร้างทางการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่นั้นส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ที่มีพื้นที่ถือครองขนาดเล็กและเป็นการผลิตที่เป็นลักษณะต่างคนต่างทำ นับเป็นความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญปัญหา และข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรในอนาคตอันใกล้แน่นอน
ดังนั้น จึงขอนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนสำหรับภาคเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ดังนี้
1.เร่งรัดออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19 ต่อภาคการเกษตร และธุรกิจการเกษตรเกี่ยวเนื่อง 2.การประสานงานเตรียมการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 3.การเร่งรัดส่งเสริมด้านการตลาด สินค้าการเกษตร ด้านผลไม้ และเกษตรอินทรีย์ 4.การเร่งรัดกระบวนการพัฒนามาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบรับรองแปลงผลิตผลไม้ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) และการรับรองโรคคัดบรรจุและโรงแปรรูปตามมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (GMP) และ5.การเร่งรัดแก้ไขปัญหาลดปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ที่เกิดจากพื้นที่การเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ
นายอาคม กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นภาคเกษตร ประมาณร้อยละ 20 ภาคบริการการท่องเที่ยวกว่าร้อยละ 70 ที่เหลือเป็นภาคอุตสาหกรรมและอื่น ๆ จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณกว่า 1,835,425 ไร่ จำนวนครัวเรือนเกษตรกรกว่า169,932 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรของจังหวัด พื้นที่จังหวัดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวนาปี 431,910 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 624 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 79,830 ไร่ ผลผลิต 650 กิโลกรัมต่อไร่ พืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด ลำไย พื้นที่ปลูก 313,391 ไร่ ลิ้นจี่ พื้นที่ปลูก 58,046 ไร่ เป็นต้น
โดยภาพรวมจังหวัดเชียงใหม่มีผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรที่สำคัญหลายชนิด ผลิตภัณฑ์ด้านพืช ประกอบด้วยข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลำไย ลิ้นจี่ หอมแดง กระเทียม หอมหัวใหญ่ ผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ ประกอบด้วยโคนม โคเนื้อ สุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ และผลิตภัณฑ์ด้านประมง ประกอบด้วยประมง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าหากมีการส่งเสริมด้านสินค้าเกษตรของเชียงใหม่อย่างเป็นระบบจะสร้างมูลค่าเป็น 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปีได้ภายในปี 2564 หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของ GPP