เชียงใหม่จวก “บิ๊กตู่” ล้มเหลวแก้มลพิษภาคเหนือ 14 ปี

“สภาลมหายใจเชียงใหม่”จี้”บิ๊กตู่”ทบทวนวาระแห่งชาติแนวทางแก้มลพิษภาคเหนือ หลังล้มเหลวมา14ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 พฤษภาคม 2563) สภาลมหายใจเชียงใหม่ จัดแถลงข่าว ณ สำนักงานสภาลมหายใจเชียงใหม่ หลังร้านกาแฟโสด ถ.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยออกแถลงการณ์ถึงคณะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่อง 15 ปี มลพิษอากาศฝุ่นละอองภาคเหนือ ปี 2564 ต้องมีความก้าวหน้าที่จับต้องได้

นายบัณรส บัวคลี่ กรรมการสภาลมหายใจเชียงใหม่ ฝ่ายสื่อมวลชน เปิดเผยว่า ปีหน้า (2564) จะครบรอบ 15 ปีของปัญหามลพิษอากาศฝุ่นละอองภาคเหนือ ซึ่งในระยะ 8 เดือนนี้นับจากนี้ เป็นช่วงเวลาที่ต้องเร่งแก้ปัญหาที่ไม่ควรจะย่ำซ้ำรอยเดิม ซึ่งต้องส่องกระจกมองให้ชัดเจนและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าการแก้ปัญหาที่ผ่านมานั้นล้มเหลว แล้วเริ่มต้นแก้ปัญหาในมุมมองใหม่ ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับนโยบายภาครัฐและการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่

ทั้งนี้ ในโอกาสที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 เพื่อปลูกต้นไม้และรับฟังการถอดบทเรียนปฏิบัติการแก้ปัญหาสถานการณ์ไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่

สภาลมหายใจเชียงใหม่ในฐานะองค์กรประชาสังคมที่รณรงค์เคลื่อนไหวเพื่ออากาศสะอาด ขอนำเรียนผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผ่านไปยังคณะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่านับแต่คณะรัฐมนตรีได้นำปัญหามลพิษอากาศภาคเหนือ สู่การพิจารณาแก้ไขเมื่อปี 2550 จนบัดนี้ กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 แต่ผลคือ แทบไม่มีความก้าวหน้า มลพิษอากาศฝุ่นควันยังเกินมาตรฐานต่อเนื่อง เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่

 

สถิติทุกประการบ่งบอกว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงล้มเหลวในการแก้ปัญหานี้ แม้จะมีการประกาศวาระแห่งชาติไปเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งในปี 2564 จะเป็นปีที่ 15 ของปัญหามลพิษอากาศและฝุ่นควันภาคเหนือที่บรรจุเข้าสู่การพิจารณาแก้ปัญหาในคณะรัฐมนตรี ระยะเวลา 14 ปีของความล้มเหลว เป็นบทเรียน ดังนั้น มาตรการแก้ปัญหาที่จะมาถึงในอีก 8 เดือนข้างหน้านี้ ไม่ควรจะย่ำซ้ำรอยเดิม

สภาลมหายใจเชียงใหม่ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลระดมความคิดถอดบทเรียนความล้มเหลวที่ผ่านมาอย่างจริงจัง รับฟังความเห็นแตกต่างของภาคส่วนอื่นที่ไม่ใช่หน่วยราชการ ทบทวนกระบวนทัศน์และแนวคิดของการแก้ปัญหา โดยรัฐบาลต้องแสดงความกล้าหาญในการตัดสินใจอย่างมีเจตจำนงทางการเมือง (Political Will) เพื่อแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะปัญหานี้มีความซับซ้อนโยงใยกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทั้งในเมือง ในป่า ภาคอุตสาหกรรมส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลต้องเร่งรัดพิจารณาเสนอกฎหมายอากาศสะอาด เช่นเดียวกับอารยประเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือของเจตจำนงที่จะมีอากาศสะอาดให้กับประชาชน

 

นายบัณรส กล่าวต่อว่า หลักใหญ่สำคัญของการแก้ปัญหานี้ รัฐต้องเปิดกว้างระดมสรรพกำลังในสังคม โดยเฉพาะชุมชนและท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำ ตามหลักการ “เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา” ไม่ปล่อยให้คณะทำงานระดับจังหวัดหรือระดับภาคจัดการแก้ไขโดยลำพัง โดยขอให้มีคณะทำงานระดับชาติที่มีอำนาจเต็ม บูรณาการและสั่งการเพื่อแก้ปัญหาจริงจังตลอดทั้งปี โดยในช่วงระยะ 8 เดือนนับจากนี้ ขอให้รัฐบาลจัดเตรียมทรัพยากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และแก้ไขข้อขัดข้องให้แล้วเสร็จก่อนฤดูมลพิษฝุ่นควันที่จะเกิดขึ้นราวเดือนกุมภาพันธ์

นายวิทยา ครองทรัพย์ กรรมการสภาลมหายใจเชียงใหม่ ฝ่ายเอกชน กล่าวว่า ในระดับนโยบาย ทางสภาลมหายใจเชียงใหม่ได้ยื่นหนังสือให้กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อผลักดันให้มีกฎหมายอากาศสะอาด แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ซึ่งระหว่างรอการพิจารณาการออกกฎหมายดังกล่าว ขอให้รัฐบาลเร่งรัดพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการบริหารอากาศแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดอากาศสะอาดขึ้นมาก่อน ซึ่งรับผิดชอบการควบคุมค่าอากาศให้มีคุณภาพเหมาะสมกับการดำรงชีวิต ทั้งนี้ ตัวกฎหมายอากาศสะอาดจะมีบทบาทสำคัญ ที่จะเป็นทางออกทางเดียวในการแก้ปัญหามลพิษฝุ่นควันของเชียงใหม่และภาคเหนือ