ท็อปกอล์ฟ ผลตอบรับดีในไทย เตรียมเปิดสาขา 2 ในอาเซียนที่ “จาการ์ตา”

“ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้” แลนด์มาร์กสำหรับคนรักกีฬา-ความบันเทิงครบวงจรของกรุงเทพฯ เดินหน้าอัดแคมเปญการตลาดต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าดึงลูกค้ากว่า 5 แสนคนต่อปี พร้อมเตรียมเปิดตัว ท็อปกอล์ฟ แห่งที่ 2 ปักธง “จาการ์ตา” ไตรมาส 4 ปี 2566 นี้ 

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 นายทิม โบดา ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย ผู้บริหาร “ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้” สปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เปิดเผยว่า ภายในปีแรกที่เปิดให้บริการ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ มีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนการตีลูกกอล์ฟในประเทศไทยไปแล้วมากกว่า 6 ล้านลูก จากเป้าหมายของท็อปกอล์ฟ โกลบอล ในการบรรลุเป้าหมายการตีลูกกอล์ฟ 50,000 ล้านลูกทั่วโลกภายในปี 2568

“ด้วยเป้าหมายในการดึงดูดให้คนหันมาเล่นกอล์ฟแนวใหม่กันมากขึ้น ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ก็ได้เข้ามาทำให้กอล์ฟกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยเกมที่มีความสนุก ที่ได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านกอล์ฟ”

โดยในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย. 66) ลูกค้าส่วนใหญ่ของ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ มาจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักกอล์ฟประมาณเกือบ 90% แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง ท็อปกอล์ฟ สามารถเจาะกลุ่มคนที่ไม่เคยตีกอล์ฟได้เพิ่มมากขึ้นถึง 70% โดยจะมีอายุระหว่าง 20-35 ปี 

“ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มผู้เล่นที่อายุยังน้อย อีกทั้งยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสเติบโตที่ยังยืนของ ท็อปกอล์ฟ และกีฬากอล์ฟในประเทศไทยอีกด้วย”

ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรก ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ มีทราฟฟิกของลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่า 1 แสนคน และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีลูกค้ามาใช้บริการรวมกว่า 2.5 แสนคน ซึ่งรวมทั้งปีภาพรวมจะอยู่ที่ 3.5 แสนคน รวมทั้งได้ตั้งเป้าปี 2567 คาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการอยู่ที่ 5 แสนคน 

ทิม โบดา
ทิม โบดา

นอกจากกลุ่มลูกค้าทั่วไปแล้ว ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าองค์กรต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ เภสัชกรรม สถาบันการเงิน รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น โดยอีเวนต์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรในช่วงปีแรก จะเป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องติดต่อกัน 4 วัน และมีผู้เข้าร่วมถึง 5,000 คน โดยมีแพ็คเกจการจัดงานเริ่มต้นที่ 990 บาทต่อผู้เข้าร่วม

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้มาจากลูกค้าทั่วไป 70% และอีก 30% จะมาจากลูกค้ากลุ่มองค์กร โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย 90% และชาวต่างชาติ 10%

อย่างไรก็ตาม หลังจากความสำเร็จในปีแรก ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ก็ได้ตั้งเป้าในการต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยกิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้สำหรับครึ่งหลังของปี 2566 โดยตั้งแต่วันที่ 14 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม จะได้ลุ้นรับรางวัล เล่นเกม พร้อมรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ได้ฟรี ในกิจกรรมลุ้นโชคสุดพิเศษ 

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนธันวาคม 2566 นี้ จะมีกิจกรรมรออยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มินิคอนเสิร์ต การถ่ายทอดสดกีฬาบนจอขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ การแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นท์ การจับมือกับเหล่าเชฟคนดัง 

รวมถึงเตรียมพบกับการกลับมาของกิจกรรม Golden Ball ที่โด่งดังตลอดทั้งเดือนธันวาคม พร้อมลุ้นรับรางวัลประจำวัน ที่มีมูลค่ารวมกว่า 2.5 ล้านบาท เป็นต้น

สำหรับแผนดำเนินการต่อไปของท็อปกอล์ฟ เตรียมเปิดตัวแห่งที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จาการ์ตา ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และตั้งเป้าที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 โดยปัจจัยหลัก ๆ ในการเปิดสาขานั้นจะมาจากการมองพื้นที่ที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก และเป็นพื้นที่ยอดนิยมของกลุ่มองค์กร 

นอกจากนี้ ท็อปกอล์ฟยังมองหาโอกาสในการขยายโครงการในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อีกด้วย

“ท็อปกอล์ฟ ถือเป็นสถานที่ครบวงจรสำหรับกิจกรรม Team Building การประชุม งานเปิดตัวสินค้า และงานเลี้ยงประจำปี ด้วยฮิตติ้งเบย์ถึง 102 เบย์ ที่สามารถรองรับผู้เล่นได้ถึง 6 คนต่อเบย์ บาร์และร้านอาหารรวม 5 ร้าน ทำให้ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ กลายเป็นพื้นที่จัดงานยอดนิยมแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดาย” นายทิม กล่าว

ปัจจุบัน ท็อปกอล์ฟ เปิดมาแล้วกว่า 100 สาขาทั่วโลก ใน 8 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย จีน เม็กซิโก ดูไบ กรุงเทพฯ เป็นต้น