ค้าปลีกงัด AI ปลุกยอดขาย ลั่นปลายปีโกย 1.94 แสนล้านดอลลาร์

ค้าปลีก
ภาพจาก : unsplash
คอลัมน์ : Market Move

นอกจากตอบคำถาม วาดภาพ สรุปข้อมูล เขียนบทความ ฯลฯ แล้ว AI หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังกลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้กับวงการค้าปลีกในช่วงเทศกาลช็อปปิ้งคริสต์มาส-ปีใหม่ ที่เป็นหน้าขายสุดท้ายของปี หลังผู้ค้าปลีกทั่วโลกต่างทดลองนำ AI มาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยปั้นยอดขายก่อนปิดบัญชี

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ผู้ค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกต่างโดดเข้าร่วมกระแสฮิต AI ที่มาแรงตลอดทั้งปี ด้วยการเดินหน้าทดลองใช้ AI มาช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงช็อปปิ้งโค้งท้ายปี 2566 นี้

โดย Salesforce บริษัทซอฟต์แวร์ซึ่งติดตามเทรนด์ค้าปลีกทั่วโลก คาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลช็อปปิ้งส่งท้ายปี 2566 นี้ AI จะมีส่วนสร้างยอดขายให้วงการค้าปลีกในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.7 ล้านล้านบาท ด้วยการประเมินจากผลงานของ AI ในเทศกาลช็อปปิ้งที่ผ่านมา เช่น “ไซเบอร์ วีค” หรือชื่อเดิมคือ ไซเบอร์ มันเดย์ ช่วงสัปดาห์ 21-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา AI ช่วยสร้างยอดขายได้ถึง 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.76 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นยอดค้าปลีกของ AI ในช่วงที่ผ่านมาและปลายปี 2566 นี้ จะยังไม่ใช่รูปแบบหวือหวา เช่น การนำเสนอสินค้าด้วยพนักงานขายที่เป็น AI หรือการที่ผู้บริโภคใช้ AI ไปเลือกซื้อสินค้าแทนตัวเอง

โดยตัวอย่างการใช้งาน AI ในช่วงปลายปีนี้ อาทิ Walmart นำ AI มาช่วยคาดการณ์ดีมานด์สินค้าแต่ละหมวดในช่วงช็อปปลายปีในแต่ละพื้นที่ เช่น คาดการณ์ของเล่นหรือเสื้อสเวตเตอร์ที่จะขายดีที่สุด พร้อมปรับปริมาณการส่งสินค้าไปยังสาขาในบริเวณนั้น ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค

ส่วน Target ใช้ AI ในรูปแบบคล้ายกัน โดยนำมาใช้คาดการณ์ดีมานด์สินค้าขายดีเพื่อให้พนักงานสามารถเตรียมตัวนำสินค้ามาเติมบนชั้นวางได้แบบต่อเนื่องไม่ให้เสียโอกาสขายในช่วงสำคัญของปีเช่นนี้

ด้าน Nordstrom นำ AI มาใช้ใน 2 ด้าน คือ วางแผนเส้นทางส่งสินค้าให้มั่นใจว่าจะสามารถส่งถึงบ้านลูกค้าได้ตรงเวลาแน่นอน และใช้คัดเลือกสินค้าให้สอดคล้องกับคำค้นหาเชิงนามธรรมของผู้บริโภค เช่น ชุดเดรสลายดอกไม้สไตล์โรแมนติก เป็นต้น

นอกจากนี้ผู้ค้าปลีกหลายรายยังใช้ AI ในการบริหารจัดการกำลังคนในช่วงเทศกาลด้วย เช่น คำนวณจำนวนพนักงานให้พอดีกับปริมาณลูกค้า ช่วยเพิ่มคุณภาพการบริการและคุมค่าใช้จ่ายไปพร้อมกัน

หรือเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Walmart นำ ChatGPT รุ่นดัดแปลงในชื่อ My Assistant มาให้พนักงานกว่า 5 หมื่นคนใช้ทุ่นแรงด้านต่าง ๆ เช่น ร่างอีเมล์ติดต่อคู่ค้า ช่วยทำสไลด์นำเสนองาน และอื่น ๆ ส่วน Amazon นำ AI มาให้ผู้ค้าและนักโฆษณาใช้งาน โดยผู้ค้าสามารถสั่งให้ AI ช่วยเขียนคำอธิบายสินค้าได้เพียงใส่คำหรือประโยคสั้น ๆ เข้าไป ส่วนผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ AI สร้างภาพประกอบสินค้าได้ โดยไม่ต้องถ่าย-วาดเอง

ขณะที่ Kohl’s นำ AI มาพัฒนาเป็น Storybook Magic เครื่องมือสำหรับแต่งกลอนและแนะนำสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของบริษัท โดยกลอนและคำแนะนำสินค้าจะมาจากการประมวลข้อมูลที่ลูกค้าแชร์ให้ อย่างงานอดิเรก หรือสิ่งที่ครอบครัว-เพื่อนสนใจ นอกจากนี้ Kohl’s ยังนำเครื่องมือนี้ไปใส่ในร้านพ็อปอัพบริเวณไบรอันท์ปาร์ค หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงนิวยอร์กอีกด้วย

ส่วนห้างสรรพสินค้าเครือ Simon Property มีเครื่องมือ AI ของตนเองในชื่อ “HolidAI” สำหรับให้คำแนะนำการเลือกของขวัญ โดยดูจากข้อมูลกิจกรรมโปรด บุคลิกภาพ สไตล์ด้านแฟชั่นของผู้รับ ก่อนจะแนะนำตัวเลือกของขวัญ 3 ตัวเลือกซึ่งมีวางขายในสาขาที่ผู้ใช้บริการอยู่

“ร็อบ การ์ฟ” รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคของ Salesforce อธิบายว่า ขณะนี้การใช้งาน AI จะเห็นได้ในฝั่งของผู้ค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระงานของพนักงานในส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่พนักงานขาย คอลเซ็นเตอร์ จนถึงฝั่งออฟฟิศ ช่วยให้การบริการลูกค้าดีขึ้น

ขณะเดียวกันความสามารถในการเข้าใจภาษาพูดของ AI ทำให้ค้าปลีกสามารถสร้างผู้ช่วยเสมือนมาประจำในเว็บไซต์หรือแอป สำหรับคอยแนะนำการเลือกสินค้า ตอบข้อสงสัย และบริการอื่น ๆ ให้กับผู้บริโภคเพื่อเพิ่มโอกาสขายให้มากขึ้นได้

แต่สำหรับฝั่งที่ผู้บริโภคมองเห็นนั้น การใช้ AI จะอยู่ในรูปแบบที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว อย่างการสร้างลิสต์แนะนำสินค้าโดยดูจากข้อมูลการซื้อในอดีตของผู้ใช้รายนั้น ๆ หรือการแนะนำสินค้าโดยดูจากพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน เป็นต้น

สำหรับการใช้ AI แบบหวือหวาสไตล์ภาพยนตร์ไซไฟนั้นจะต้องรอในช่วงเทศกาลช็อปปิ้งครั้งต่อ ๆ ไป โดยผู้บริหารบริษัทซอฟต์แวร์เชื่อว่า สุดท้ายแล้วผู้บริโภคจะได้เห็นการใช้ AI ในแบบที่เปลี่ยนประสบการณ์การช็อปปิ้งไปแบบพลิกฝ่ามืออย่างแน่นอน

“เรายังอยู่ในยุคเริ่มต้นของการใช้ AI ในวงการค้าปลีก แต่การที่ผู้ค้าต่างพร้อมใจกันทดลองและเรียนรู้การใช้งาน AI เพื่อหนุนธุรกิจของตนนั้น สามารถสะท้อนถึงความเป็นไปได้ในอนาคต”