หน่วยงานควบคุมยาและอุปกรณ์การแพทย์ของญี่ปุ่น เล็งเปิดสำนักงานสาขากรุงเทพภายในปี 2568 หวังหนุนบริษัทยาญี่ปุ่นรุกตลาดไทย-อาเซียน
วันที่ 31 ธันวาคม 2566 นิคเคอิ เอเชีย รายงานว่า หน่วยงานควบคุมยาและอุปกรณ์การแพทย์ของญี่ปุ่น หรือ PMDA ซึ่งมีหน้าที่ประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา-อุปกรณ์การแพทย์ เตรียมเข้ามาตั้งสำนักงานตัวแทนในกรุงเทพ ภายในเดือนมีนาคม 2568 เพื่อสนับสนุนบริษัทยาญี่ปุ่นในการรุกตลาดไทยและอาเซียน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยสำนักงานที่จะเปิดในไทยนี้จะเป็นฮับระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานในแต่ละประเทศเกี่ยวกับการตรวจสอบยาจากบริษัทญี่ปุ่น หวังเร่งสปีดให้ยาของบริษัทญี่ปุ่นเข้าไปวางขายในประเทศนั้น ๆ ได้เร็วขึ้น
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น อธิบายว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานควบคุมยาในหลายประเทศมักให้น้ำหนักกับผลประเมินของหน่วยงานใหญ่ ๆ เช่น FDA ของสหรัฐ หรือ WHO ของสหประชาชาติ ในการพิจารณาอนุมัติให้ยาวางขายในประเทศของตน
จึงเป็นโอกาสที่หากญี่ปุ่นสามารถจูงใจให้หน่วยงานควบคุมยาของประเทศเหล่านี้ เชื่อถือผลการประเมินของ PMDA ได้ อาจจะช่วยให้ยาของบริษัทญี่ปุ่นซึ่งผ่านมาการอนุมัติของ PMDA มาแล้ว สามารถเข้าไปวางขายในประเทศได้เร็วขึ้น
โดยสำนักงานสาขากรุงเทพฯ จะช่วยสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศ เช่น แปลเอกสารภาษาญี่ปุ่นเป็นอังกฤษ หรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยาที่เข้ารับการประเมิน
“วัตถุประสงค์หลักของเราคือ นำยาคุณภาพดีเข้าไปในเอเชีย ซึ่งหากยาที่ได้รับการอนุมัติจาก PMDA ถูกนำไปใช้ในเอเชียมากขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์กับบริษัทยาญี่ปุ่นด้วย”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งยังกังขากับแผนนี้ ด้วยเหตุผลว่า ระบบกำกับดูแลยาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของญี่ปุ่นเองยังตามหลังประเทศตะวันตกอยู่
Shunsuke Ono รองศาสตราจารย์ประจำ บัณฑิตวิทยาลัยเภสัชศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว อธิบายว่า ปัจจุบันความสามารถในการพัฒนายาใหม่ ๆ ของบริษัทญี่ปุ่นยัง “ห่างชั้น” กับบริษัทยาจากประเทศตะวันตกอยู่มาก ช่องว่างนี้อาจทำให้เป็นเรื่องยากที่ญี่ปุ่นจะถูกมองเป็นฮับ ในการเจาะเข้าสู่ตลาดยาของเอเชัยตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ด้วยศักยภาพมหาศาลทางเศรษฐกิจของตลาดยา ทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศต้องการคุมตลาดนี้เอง มากกว่าจะรับการสนับสนุน-ช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นเอง ทราบเรื่องนี้และมีแผนเปลี่ยนนโยบายการอนุมัติยา โดยหากยาผ่านการศึกษา-ทดลองครบทุกเงื่อนไขและขั้นตอนตั้งแต่ในต่างประเทศแล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษา-ทดลองเพิ่มเติมกับผู้ป่วยชาวญี่ปุ่นอีก