เทรนด์ใหม่ค้าปลีกมะกัน โฟกัสหนุ่มนักช็อป ปั้นยอดท้ายปี

คอลัมน์ Market-move

หญิงถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของวงการค้าปลีกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่าง ๆ ที่จะเห็นสินค้าแฟชั่นและความงามจัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ แต่ช่วงเทศกาลช็อปปิ้งส่งท้ายปี 2561 นี้ ผู้ค้าปลีกในสหรัฐหลายรายได้ปรับเป้าหมายใหม่ หันมาโฟกัสนักช็อปชายแทน หลังผลวิจัยชี้ว่า ปีนี้มีหนุ่ม ๆ อเมริกันจะช็อปกระจายเกินหน้าสาว ๆ โดยเน้นซื้อของขวัญให้ตัวเองมากกว่าซื้อให้คนอื่น

สำนักข่าว “ซีเอ็นบีซี” รายงานโดยอ้างผลสำรวจของบริษัท “เจแอลแอล รีเทลล์” ซึ่งสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวน 1,000 คน ว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี 2561 นี้นักช็อปชายมีแนวโน้มใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของขวัญทั้งให้คนอื่นและตนเองสูงกว่านักช็อปหญิง สวนทางกับที่ผ่าน ๆ มา โดย 30% ของนักช็อปชายระบุว่า เตรียมงบฯสำหรับช่วงสิ้นปีนี้ไว้มากกว่า 750 เหรียญสหรัฐ และอีก 36% จะใช้เงินระหว่าง 250-750 เหรียญสหรัฐ ในขณะฝ่ายหญิงมีเพียง 25% ที่เตรียมงบฯไว้สูงกว่า 750 เหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่หรือ 44% จะใช้เงินประมาณ 250-750 เหรียญสหรัฐเท่านั้น

ไปในทิศทางเดียวกับการคาดการณ์ของสหพันธ์ค้าปลีกสหรัฐซึ่งประเมินว่า ชาวอเมริกันจะใช้จ่ายช่วงเทศกาลปลายปีเฉลี่ย 1,007 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน โดยผู้ชายใช้เงินเพิ่มขึ้น 164 เหรียญสหรัฐ ส่วนผู้หญิงใช้เงินลดลง 42 เหรียญสหรัฐ ส่วนงบฯสำหรับซื้อของขวัญให้ตัวเองเพิ่มขึ้น 10% หรือ 155 เหรียญสหรัฐ

สำหรับเป้าหมายการช้อปนั้นของขวัญยังคงเป็นเป้าหมายหลัก ด้วยงบเฉลี่ย 638 เหรียญสหรัฐ ตามด้วยอาหาร ดอกไม้ การ์ดอวยพรและของตกแต่งบ้านในงบ 215 เหรียญสหรัฐ ส่วนอันดับ 3 เป็นกลุ่มสินค้าที่จัดลดราคาซึ่งบรรดานักช้อปสำรองเงินไว้เผื่ออีก 155 เหรียญสหรัฐ

“สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐยังไม่ส่งกระทบเนื่องจากผู้ค้าส่วนใหญ่สั่งสินค้าเข้ามารอก่อนกำแพงภาษีจะมีผลบังคบใช้ จึงเชื่อว่าช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้เม็ดเงินจะสะพัดถึง 7.17-7.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 4.3-4.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว” แมททิว เช ซีอีโอของสหพันธ์ค้าปลีกสหรัฐกล่าว

ด้านแบรนด์สินค้าและช่องทางขายเองรับรู้ถึงกระแสนี้ และหันมาจับตลาดผู้ชายมากขึ้น ตั้งแต่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งปกติลดราคาหนักหน่วงในช่วงเทศกาลช็อปปิ้งอย่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อยู่แล้ว ไปจนถึงแบรนด์แฟชั่นต่างจัดโปรฯหั่นราคาเพิ่มขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับช่องทางขายที่จัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถมเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า “เบสท์บาย” (Bestbuy) ที่ลดราคาทีวี 4K ขนาด 32 นิ้วของโตชิบาลงถึง 200 เหรียญสหรัฐ ส่วนไฮเปอร์มาร์เก็ต “วอลมาร์ท” แจกกิฟต์การ์ด 300 เหรียญสหรัฐเมื่อซื้อไอโฟนรุ่นที่ร่วมรายการ ด้าน “ทาร์เก็ต” ลดราคาเครื่องเกมเอ็กซ์บอกซ์วันลง 100 เหรียญสหรัฐ หวังกระตุ้นการตัดสินใจ

ขณะเดียวกัน หลายแบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าผู้ชายมากขึ้น อาทิ ลูลูเลมอนแบรนด์ชุดกีฬาที่เดิมเน้นลูกค้าผู้หญิงได้ขยายไลน์อัพสำหรับผู้ชายมากขึ้น ส่วนแบรนด์แฟชั่น “แก็ป” (Gap) ประกาศเพิ่มแบรนด์ย่อย “ฮิลล์ซิตี้” (Hill City) มารองรับกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะ สะท้อนถึงความสำคัญของลูกค้ากลุ่มนี้

“เกรก มาโลนี” ซีอีโอของเจแอลแอล รีเทลล์ อธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ว่า เกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ สินค้าสำหรับผู้ชายมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งกลุ่มแฟชั่นและเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวทำให้คนกลุ่มนี้มั่นใจและกล้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการซื้อเป็นของขวัญให้กับตัวเอง

“ปัจจุบันผู้ชายมีสินค้าให้เลือกช็อปมากกว่า 10 ปีที่แล้วมาก ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช่วยเพิ่มดัชนีความเชื่อมั่นกระตุ้นให้ผู้บริโภคชายอ่อนไหวกับการตลาดและโปรโมชั่นของแบรนด์มากขึ้นและเริ่มใช้จ่ายกับของที่อยากได้ เพิ่มจากเดิมที่ใช้จ่ายเฉพาะของจำเป็นเท่านั้น”

จากความเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นเทรนด์ในตลาดค้าปลีกอเมริกันที่อาจเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมทีมีผู้หญิงเป็นกลุ่มหลักพลิกกลับเป็นฝ่ายชายที่ใช้เงินสะพัดแทน ซึ่งต้องจับตาดูว่าเทรนด์นักช็อปชายนี้จะมาแรงจริงตามผลสำรวจหรือไม่ และจะแพร่หลายในตลาดอื่น ๆ ด้วยหรือไม่