“ลอรีอัล” เขย่าบัลลังก์ความงาม 1.9 แสนล้าน

ใครจะคิดว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังซื้อชะลอตัวลง ผู้คนต่างใช้จ่ายกันอย่างระมัดระวัง จนทำให้สินค้าที่จำเป็นหลาย ๆ อย่าง หรือแม้กระทั่งสินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัวตามไปด้วย ยิ่งสินค้าฟุ่มเฟือย จะเป็นชอยซ์แรก ๆ ที่ผู้บริโภคเลือกที่จะตัดออกแต่สินค้า “ความงาม” ที่ดูเหมือนไม่จำเป็น กลายเป็นสินค้าที่สามารถรักษาการเติบโตเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ในช่วงที่ผ่านมา

รายงานจาก บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด อ้างอิงยูโรมอนิเตอร์ ระบุว่า ตลาดความงามในประเทศไทยมูลค่า 1.9 แสนล้านบาท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีละไม่ต่ำกว่า 5% ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี แสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ตื่นตัวในเรื่องความงามกันมากขึ้น

“อินเนส คาลไดรา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนี้กลุ่มผู้บริโภคที่เข้าถึงสินค้าความงามยังมีอายุน้อยลง เช่นเดียวกันกับกลุ่มผู้ใหญ่ ที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ความงามในด้านแอนติเอจจิ้ง ก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามเทรนด์ของประชากรที่จะเข้าสู่สังคมสูงอายุ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

ตลอดจนชนชั้นกลางที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายถึงกำลังซื้อสำคัญของหลาย ๆ อุตสาหกรรม เพราะคนกลุ่มนี้มีการเติบโตในอาชีพหน้าที่การงานและมีอำนาจในการใช้จ่ายสูง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ช่วยกระตุ้นตลาดดังกล่าวก็คือ “ออนไลน์และเทคโนโลยี” ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ทั้งในแง่ของการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด และโปรโมชั่นที่โดนใจซึ่งลอรีอัลเองมีการพัฒนาสินค้าและช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ อาทิ จิออร์จิโอ อาร์มานี, อิท คอสเมติกส์ และเซราวี ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 22 แบรนด์ที่วางขายในไทย ครอบคลุมตั้งแต่ตลาดแมสถึงพรีเมี่ยม

เช่นเดียวกับการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งหน้าร้าน สาขาออฟไลน์ และอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นอีบูติค ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทเอง หรือการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นมาร์เก็ตเพลซ อาทิ ช้อปปี้ ลาซาด้า คอนวี่ ฯลฯ

“อินเนส” ระบุว่า ในระดับโกลบอล ปีที่ผ่านมายังเป็นครั้งแรกที่ดีลการซื้อกิจการนั้นเป็นการซื้อธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่เครื่องสำอาง ชื่อว่าบริษัท ModiFace ผู้เชี่ยวชาญด้าน AR (augmented reality) และ AI (artificial intelli-gence) จากแคนาดา แสดงถึงทิศทางที่ลอรีอัลให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ ส่วนในไทย มีการใช้งบฯลงทุนด้านนี้กว่า 30% ของงบฯการตลาดทั้งหมด อีกทั้งยังมีการเสริมทัพบุคลากรด้วยทีมที่ดูแลด้านดิจิทัลถึง 10 เท่า มีการเทรนนิ่งพนักงานรวมกว่า 5,000 ชั่วโมง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับตลาดและคอนซูเมอร์ที่เปลี่ยนไป

“เรามองว่าตลาดความงามกำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องของดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ โลกเสมือนจริง ฯลฯ เราจึงต้องขับเคลื่อนให้บริษัทเป็นผู้นำใน BeautyTech”

โดยในเดือนเมษายนนี้ ตลาดในเมืองไทยจะเริ่มเปิดตัวเทคโนโลยี Effaclar Spotscan จากแบรนด์เวชสำอาง “ลา โรช-โพเซย์” ที่จะช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำการดูแลผิวได้รายบุคคล พร้อมกับ “ColorMe” การทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงจากลอรีอัล ปารีส และเมย์เบลลีน นิวยอร์ก กว่า 300 รายการ จากเทคโนโลยีของ ModiFace ผ่านแอปพลิเคชั่นของวัตสันในเดือนพฤษภาคม

แม้ว่าทิศทางจะหันมาทางดิจิทัลมากขึ้น “อินเนส” ก็ยังระบุถึงความสำคัญของช่องทางออฟไลน์ ที่จะต้องขยายการเติบโตไปพร้อม ๆ กัน เทคโนโลยีเป็นเพียงตัวเชื่อมประสบการณ์ในทุกช่องทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากกว่าเพราะตลาดนี้ยังคงเต็มไปด้วยโอกาส อยู่ที่ว่าใครจะสามารถเข้าไปตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้มากที่สุด และพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอตามเทรนด์ที่เปลี่ยนไป