“กลอเรีย จีนส์” ควงคาลเท็กซ์ เปิดศึกกาแฟในปั๊ม

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

“ร้านกาแฟ” ยังคงเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูและดึงดูดนักลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาได้เสมอ ด้วยเทรนด์การดื่มกาแฟที่เติบโตขึ้นทุก ๆ ปี ประกอบกับการเข้าถึงข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับกาแฟที่มากขึ้น การดื่มกาแฟของคนรุ่นใหม่จึงไม่ใช่แค่การดื่มกาแฟแบรนด์อะไรก็ได้ แต่แบรนด์นั้นต้องตอบโจทย์ทั้งด้านของรสชาติ คุณภาพ และไลฟ์สไตล์

เมื่อพูดถึงไลฟ์สไตล์ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการคล้าย ๆ กันก็คือ ความสะดวกสบาย เพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในสังคมเมืองยุคปัจจุบัน นั่นทำให้ “ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน” กลายเป็นสมรภูมิยอดฮิตอีกทำเลหนึ่ง ที่มีการเติบโตทั้งในเชิงของจำนวนสาขาและเม็ดเงินอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทุกชั่วขณะ

หากจะเทียบให้เห็นภาพว่าตลาดนี้เติบโตแค่ไหนในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ให้ลองนึงถึงเคสของ ปตท.ที่ขยายคาเฟ่อเมซอนจนปัจจุบันมีรายได้แซง

สตาร์บัคส์ไปเรียบร้อยแล้ว ภายในเวลา 15 ปี คาเฟ่อเมซอน ร้านกาแฟในปั๊ม ปตท. แผ่กิ่งก้านไปทั่วทั้งในและนอกปั๊มจนมีสาขาในปัจจุบันกว่า 2,500 แห่ง มีรายได้แตะหลักหมื่นล้านบาทไปตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา ทำให้ปั๊มน้ำมันหลาย ๆ ค่ายหันมาศึกษาทำร้านกาแฟอย่างจริงจัง เพื่อเสิร์ฟความต้องการของลูกค้าที่เป็นคนเดินทาง และเป็นแม็กเนตให้คนแวะมาที่ปั๊ม ตลอดจนบาลานซ์ความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำมันที่มีผลกำไรต่ำกว่า ทั้งพัฒนาแบรนด์ของตัวเองไปจนถึงจับมือกับพาร์ตเนอร์ร้านกาแฟชื่อดัง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและโนว์ฮาวในธุรกิจนี้อยู่แล้ว อาทิ บางจาก-อินทนิล, พีที-กาแฟพันธุ์ไทย, เชลล์-เดลี่ คาเฟ่ และดิโอโร่, เอสโซ่-ราบิก้า คอฟฟี่ และสตาร์บัคส์, ซัสโก้-ราบิก้า คอฟฟี่ และสตาร์บัคส์ และล่าสุด คาลเท็กซ์ที่จับมือกับกลอเรีย จีนส์

“รจนา หอมสิ้น” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรีโม ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ร้านกาแฟ กลอเรีย จีนส์ คอฟฟี่ ในไทย ระบุว่า บริษัทได้พัฒนาซับแบรนด์ใหม่ “EXPRESSO by Gloria Jean”s” ภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้บริหารปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ เพื่อเปิดในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์โดยเฉพาะ

โดยเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 5 สาขา และมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ภายในสิ้นปีนี้อีก 5 สาขา ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเอง หลังจากนั้นในปี 2563 จะเริ่มขยายผ่านแฟรนไชส์ งบฯลงทุนเริ่มต้น 1.4 ล้านบาทต่อสาขา คาดว่าจะช่วยให้การขยายสาขารวดเร็วมากขึ้น จนมีครบ 60 สาขาในปีหน้า

สำหรับโพซิชันนิ่งของร้านดังกล่าวจะเน้นรูปแบบของร้าน เมนูเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และราคา ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนที่เดินทาง-คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ คล่องตัว ชื่นชอบกาแฟ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 45 บาทไปจนถึง 75 บาท และยังมีซิกเนเจอร์เมนูที่เจาะกลุ่มนักเดินทางโดยเฉพาะ เช่น Extreme Expresso เน้นความเข้มข้นของกาแฟ และในอนาคตจะมีการพัฒนาเมนูจากวัตถุดิบขึ้นชื่อในท้องถิ่นของสาขานั้น ๆ

“รจนา” ระบุว่า ในปีนี้ตลาดร้านกาแฟจะเติบโตและมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนการแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ของร้านกาแฟที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามตลาดยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เมื่อพิจารณาจากอัตราการบริโภคของคนไทยในภาพรวม ที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 200 แก้ว/คน/ปี ขณะที่ประเทศอย่างญี่ปุ่นหรือเวียดนาม อยู่ที่ 400-500 แก้ว/คน/ปี ตลอดจนพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคมีความลอยัลตี้กับแบรนด์น้อยลง เนื่องจากมีความรู้เกี่ยวกับกาแฟมากขึ้น จึงไม่ยึดติดกับแบรนด์เหมือนในอดีต ดังนั้นแบรนด์ต้องเข้าไปตอบโจทย์ในเรื่องของรสชาติ คุณภาพ ไลฟ์สไตล์ และความสะดวกสบายในการเข้าถึงให้ได้

ส่วนร้านกลอเรีย จีนส์ คอฟฟี่ ซึ่งเป็นแบรนด์หลัก ปัจจุบันมี 12 สาขา มีแผนจะปรับเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ “Good Cup” ในปีหน้า คาดว่าจะนำร่องสาขาโฉมใหม่ในโลเกชั่นใจกลางมืองอย่างสยามพารากอน หรือเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนที่จะเดินหน้าขยายสาขาต่อไป รวมถึงพัฒนาซับแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและยอดขายในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดร้านกาแฟในปั๊มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่อเมซอนของ ปตท. ปัจจุบันมีกว่า 2,500 สาขา แบ่งเป็นร้านที่อยู่ในปั๊มประมาณ 1,800 สาขา มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ ๆ ในภาพรวม 400 สาขาต่อปี โดยในปั๊มน้ำมันจะเน้นทำเลที่มีศักยภาพ ตลอดจนโมเดลใหม่อย่างไดรฟ์ทรู ซึ่งเตรียมจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา จากที่มีอยู่เดิม 3 สาขา ที่พระราม 2, มีนบุรี และนครราชสีมา

ส่วนกาแฟอินทนิลของบางจากมีแผนที่จะขยายให้ครบ 700 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีมากกว่า 550 สาขา ขณะที่ปั๊มพีทีก็มีแผนที่จะขยายกาแฟพันธุ์ไทยถึง 130 สาขาในปีนี้ และภายใน 5 ปี คาดว่าจะมีกว่า 1,100 สาขา เน้นการขายผ่านแฟรนไชส์เป็นหลัก และไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในปั๊มเพียงอย่างเดียว

ด้านของ “ซัสโก้” ก็เปิดตัวพันธมิตรใหม่อย่าง “สตาร์บัคส์” ที่สาขาราชพฤกษ์ หลังจากปีที่ผ่านมา “เอสโซ่” ชิงจับมือกับ “สตาร์บัคส์” เปิดร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันแห่งแรกที่ทีเอ็มเค พาร์ค กาญจนบุรี ถือเป็นแม็กเนตใหม่ดึงลูกค้าเข้าปั๊ม หลังจากที่ผ่านมาทั้งคู่ได้จับมือกับราบิก้า คอฟฟี่ ในการขยายร้านกาแฟเป็นหลัก

ใครที่ว่ารสชาติของกาแฟนั้นขมแล้ว มาดูที่การแข่งขัน รับรองว่าขมกว่าแน่นอน